ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้อง พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว หรือ 'ถอนประกัน' อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ 'ไมค์ ระยอง' แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย 2 ผู้ต้องหาในคดียุยงปลุกปั่น ตามมาตรา 116, กฎหมายจราจรและอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง กรณีปราศรัยเวทีเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ซึ่งคดีดังกล่าวตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ควบคุมตัวทั้ง 2 คน ตามหมายจับ และขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ก่อนที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล 2 คน ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นขอปล่อยชั่วคราวและศาลให้ประกันตัวไป ด้วยการตีราคาประกันคนละ 1 แสนบาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาในคดีอีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน
ซึ่งต้องติดตามว่า ศาลจะถอนประกันหรือไม่ หากทั้งคู่ถูกถอนประกันอาจถูกคุมตัวเข้าเรือนจำทันที
โดยนายภาณุพงศ์ เดินทางมาถึงศาล ก่อนให้สัมภาษณ์ถึงเหตุที่โดนถอนประกันมาจากการขึ้นปราศรัยเวทีธรรมศาสตร์จะไม่ทน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเห็นว่า มีข้อเท็จจริงหลายประการไม่ตรงตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวอ้าง โดยวันนี้จะมีการแถลงต่อศาลระหว่างข้อแตกต่างที่ไม่เป็นการผิดเงื่อนไข ส่วนศาลจะเห็นพ้องกับพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้นขอให้เป็นไปตามกระบวนการ และตนพร้อมสู้อย่างถึงที่สุด เพราะถึงแม้จะโดนจำกัดเสรีภาพ แต่ก็เชื่อมันในพลังของมวลชน ที่สามารถขับเคลื่อนเรียกร้องประชาธิปไตยทั้ง 3 ข้อหลัก รวมถึง 10 ข้อ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่ตนไม่จำเป็นต้องกังวล
ภาณุพงศ์ กล่าวว่า การแสดงออกนี้เป็นไปตามหลักสิทธิเสรีภาพสากล ไม่ใช่การกระทำความผิด เพราะการเห็นต่างนั้นไม่ใช่อาชญากร
ขณะที่ อานนท์ กล่าวว่า มีความมั่นใจในความหมายที่ตนเป็นนักหมายส่า ศาลจะให้ความยุติธรรม เพราะเป็นเรื่องที่ชัดเจนแล้วว่าตอนนี้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจกฎหมายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม คือ การขอให้สั่งขังผู้ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้ไปแก้ไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ซึ่งตนเตรียมพยานหลักฐานมานำสืบอย่างครบถ้วนทุกเรื่องที่ถูกกล่าวหา แต่ก็อยู่ที่ว่า ศาลจะรับฟังฝ่ายตำรวจหรือฝ่ายผู้ชุมนุม และการชุมนุมเปิดเผยมีหลักฐานบันทึกภาพอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่กังวล แต่ถ้ามีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นคือ ตนกับ 'ไมค์ ระยอง' ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ก็ถือว่าเป็นใบเสร็จของกระบวนการอย่างครบถ้วน เพราะพวกเราต่อสู้ถึงที่สุดแล้ว และเชื่อว่า "การขังพวกเราไม่มีประโยชน์เท่ากับปล่อยให้พวกเราออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ดีขึ้น"
"คิดว่าเราเดินทางมาไกลมาก ไกลกว่าสิ่งที่เราเคยเดินมาและเป็นจุดที่เราไม่เคยเดินมาด้วย อยากให้ทุกคนเดินกันต่อและเดินด้วยความสุข เพราะว่าพวกเราเดินทางมาไกลมากและเพื่อนระหว่างทางเจ็บปวดล้มตายกันไปหลายคน แต่จะต้องเดินทางกันต่อไปแม้ว่าวันนี้อาจมีการสละบางคนบางชีวิตไว้ ก็ให้เป็นต้นทุนในการเดินต่อ เพราะเส้นชัยข้างหน้ารออยู่ไม่ไกล" อานนท์ กล่าว
ขณะที่บรรยากาศ บริเวณหน้าศาลอาญา มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แม้ว่าช่วงเช้าจะยังไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาให้กำลังใจ อานนท์ และภานุพงศ์ โดยมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุด บริเวณทางเข้าออก พร้อมนำแผงเหล็กมากั้นแบ่งโซน
นอกจากนี้ยังมีการจำกัดบุคคลเข้าออกโดยเปิดให้ เจ้าหน้าที่ศาล สื่อมวลชนและผู้ที่มี ความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในบริเวณศาล สามารถเข้ามาในพื้นที่ได้แต่จะต้องมีการลงทะเบียนพร้อมตรวจบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวกรมประชาสัมพันธ์