พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่าน LIVE:: 101 One-On-One Ep.167 : Inconvenient Truths การเมืองไทย ของเฟซบุ๊ก The101.world ซึ่งดำเนินรายการโดย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. โดยระบุถึงการชุมนุมของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ชูข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า มีสังคมวงกว้างไม่ว่าจะเป็น ส.ส. และ ส.ว.บอกว่าจะเป็นการจาบจ้วง จะเป็นความรุนแรงและนองเลือดนำไปสู่การรัฐประหารนั้น ตนเห็นแย้งและจุดยืนของพรรคก้าวไกล ไม่เชื่อว่าจำเป็นที่จะต้องเกิดการนองเลือดหรือเกิดความรุนแรงเสมอไป ความรุนแรงเกิดจากคนมีอำนาจ ถ้าคนมีอำนาจมีปืนในมือไม่คิดทำรุนแรงกับอนาคตของตัวเอง แต่เพิ่มความอดกลั้นความอดทนของตัวเองไม่ใช้ความรุนแรงที่จะฆ่าอนาคตของเรา ก็ไม่ทำให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้
พิธา ระบุว่าเราสามารถที่จะพูดคุยเรื่องนี้ได้ และพูดคุยได้สันติ สงบสุขได้ มีผู้ใหญ่หลายคนบอกว่าการพูดถึงสถาบัน 10 ข้อนี้เท่ากับก้าวล่วง จาบจ้วงดูแลหมิ่นสถาบัน พรรคก้าวไกลเห็นว่า 10 ข้อของนักศึกษาจะทำได้หรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่พูดคุยได้ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรางเป็นประมุข พื้นที่ปลอดภัยของนิสิต นักศึกษากำลังจะหมดลง ก็จะผลักลูกหลานไปสู่ถนน ไปสู่ทุ่งสังหาร ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้นแต่ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับมัน
เมื่อถามว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลประกันตัวแกนนำผู้ชุมนุม พิธา ระบุว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ 4 วินาทีในคูหา การที่มีการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพการชุมนุมสงบเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง เพราะฉะนั้น ประชาชนถูกรัฐใช้อำนาจคุกคาม กักขัง โดยไม่มีกระบวนการที่ชอบธรรม พวกเราก็พร้อมอยู่ข้างประชาชนและปกป้องประชาชน ไม่ใช่แค่แลกมาซึ่งเสรีภาพของพวกเรา แต่เป็นรากฐานประชาธิปไตยในระยะยาว ยืนยันว่าประชาชนต้องมีพื้นที่ปลอดภัยการพูดและมีผู้ใหญ่หนุนหลัง เพราะเราก็มีส่วนทำให้ประชาชนต้องออกมาพูด
"ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับเสียทีว่านี่คือความรู้สึกแห่งยุคสมัย ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นผลผลิตของปัญหาที่พวกเราล้วนมีส่วนร่วมสร้างขึ้นมาและหมักหมมเอาไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ผมต้องย้ำดังๆ อีกครั้งว่า 10 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของนักศึกษาประชาชนที่ออกมาชุมนุมนั้นไม่เท่ากับการก้าวล่วง-จาบจ้วง-ล่วงละเมิดสถาบันฯ เสมอไป และเราในฐานะพรรคก้าวไกล จะยืนยันว่าข้อเสนอแบบนี้ต้องสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ในสังคมประชาธิปไตยที่มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ และมีสติ"
พิธา ระบุว่า อยากขอให้ทุกคนทุกฝ่าย เปิดใจรับฟังและแลกเปลี่ยนกันบนความสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ได้มีการพูดคุยกันและรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากผู้มีอำนาจหรือผู้คนในสังคมไม่ยอมรับฟังเสียงพวกนี้ คิดว่าเสียงพวกนี้เป็นเพียงภัยความมั่นคง เป็นภัยคุกคามของชาติและสถาบัน ก็เท่ากับว่าเราไม่ได้รับฟังเสียงของพวกเขาจริงๆ เหมือนกับที่ผ่านมาปากของผู้นำก็บอกรับฟังๆ แต่ยังมีการไปคุกคามตามจับคนที่ออกมาพูดอยู่เลย ก็เท่ากับว่าเรากำลังฆ่าอนาคตให้ตายลงไปด้วยมือของเราเอง
"ในขณะนี้พื้นที่ปลอดภัยของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยก็กำลังหดหายลงไป ซึ่งเราขอเรียกร้องไปยังสังคมและสถานศึกษาว่าอย่าผลักไสพวกเขาออกไปจากพื้นที่ปลอดภัยเหล่านี้เลย" พิธา ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง