สถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 เพิ่มเป็นกว่า 95,000 รายใน 79 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ในวันที่ 5 มี.ค.2563 และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 3,200 ราย ส่วนใหญ่อยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่
แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะยังไม่ประกาศให้โรคโควิด-19 เข้าสู่ภาวะการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก หรือ 'pandemic' แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนีระบุว่า 'โควิด-19' เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลกแล้ว เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา
'DW' สื่อเยอรมนี รายงานว่า เยนส์ สปาห์น รมว.กระทรวงสาธารณสุขเยอรมนี เปิดเผยต่อที่ประชุมรัฐสภาว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเพิ่มเป็น 240 รายในพื้นที่ 15 รัฐ จากทั้งหมด 16 รัฐ โดยรัฐนอร์ทเวสต์ฟาเลิน เป็นพื้นที่ที่พบการติดเชื้อมากสุด รวม 111 ราย ทั้งยังระบุด้วยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในจีน ได้เข้าสู่ภาวะการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลกแล้ว
อย่างไรก็ตาม WHO และสปาห์น ไม่มีคำนิยามที่ชัดเจนว่าการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลกต้องมีลักษณะหรือองค์ประกอบอย่างไร
นอกจากนี้ รมว.สาธารณสุขเยอรมนีกล่าวเพิ่มเติมว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเยอรมนียังไม่เข้าสู่ระดับสูงสุด แต่จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่จะยกระดับขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมเสนอให้รัฐบาลกลางพิจารณาคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าขั้นตอนการดำเนินการตามปกติ
ทั้งยังระบุว่าจะต้องพิจารณาเรื่องปิดโรงเรียนทั่วประเทศ และมาตรการกักตัวผู้โดยสารเรือสำราญที่มีประวัติแวะจอดในประเทศต่างๆ ที่พบผู้ติดเชื้อ รวมถึงจัดหาอุปกรณ์ป้องกันด้านสุขอนามัยให้เพียงพอต่อความต้องการของสังคม
'แกวิน นิวซัม' ผู้ว่าการมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังพบผู้เสียชีวิตรายแรกภายในรัฐ โดย CNN รายงานว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยใน 'เพลเซอร์เคาน์ตี้' ซึ่งมีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และมีประวัติเคยเดินทางโดยเรือสำราญเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนสถิติผู้ต้องสงสัยติดเชื้อที่ต้องเฝ้าระวังอาการภายในรัฐ เพิ่มเป็น 9,400 ราย
นิวซัมระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินที่จะนำมาบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพียงอย่างเดียว แต่จะช่วยให้เกิดบรรยากาศของความร่วมมือและอำนวยความสะดวกการประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เขามองว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินคือสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยให้การแบ่งปันข้อมูลในแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างโปร่งใสมากขึ้น รวมถึงจะช่วยให้การขออนุญาตใช้พื้นที่สาธารณะของรัฐในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สามารถดำเนินการได้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะยกระดับขึ้นในอนาคต
รัฐบาลอิตาลีประกาศปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไปจนถึงวันที่ 15 มี.ค. ขณะที่กิจกรรมในอาคารและกลางแจ้งทั่วประเทศจะถูกระงับไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย.2563 หลังพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในประเทศเพิ่มเป็น 107 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 28 รายภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
The Guardian รายงานว่า อิตาลีเป็นประเทศที่ 2 รองจากจีนที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อรวมกว่า 3,090 ราย ส่วนใหญ่อยู่ที่แคว้นลอมบาร์ดี
ล่าสุด นักท่องเที่ยวชาวอิตาลีได้กลายเป็นผู้ติดเชื้อรายล่าสุดในอินเดียอีกด้วย ทำให้รัฐบาลอิตาลีประกาศเตือนประชาชนให้งดเดินทางออกนอกบ้านถ้าไม่มีความจำเป็น โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพ หรือหากต้องออกจากบ้าน ให้รักษาระยะห่างจากคนอื่นๆ อย่างน้อย 1-2 เมตร
Newsweek รายงานอ้างอิงการสำรวจของเครือข่าย Citizen Lab องค์กรเอกชนที่ศึกษาการใช้งานแอปพลิเคชันสื่อสารผ่านทางสมาร์ตโฟนในประเทศจีน พบว่า วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.2563 มีการปิดกั้นการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในกลุ่มผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน WeChat ในจีน รวมถึงการเผยแพร่วิดีโอสตรีมมิ่ง YY
ซิติเซนแล็บเผยแพร่รายงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา และมองว่าการปิดกั้นข้อมูลดังกล่าวในจีน เข้าข่าย จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลจีนยังดำเนินมาตรการที่มีผลกระทบต่อการเข้าถึงข้อเท็จจริง
ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีนายแพทย์หลี่เหวินเหลียง ซึ่งทำงานที่โรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่น ต้นตอแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งข้อความเตือนเพื่อนในวงการสาธารณสุขผ่านแอปพลิเคชันและเครือข่ายสังคมออนไลน์ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ให้ระวังไวรัสโคโรนา ซึ่งในตอนน้ันรัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาประกาศข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสอย่างเป็นทางการ แต่ นพ.หลี่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตัวไปรับทราบข้อกล่าวหา 'ปล่อยข่าวปลอม'
หลังจากนั้นในวันที่ 6 ก.พ. นพ.หลี่ก็เสียชีวิตเพราะโรคโควิด-19 และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวจีนจำนวนมากไม่พอใจ และมองว่า "รัฐบาลจีนสั่งปิดข่าว"
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์จีนแถลงว่าได้ลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุกคาม นพ.หลี่ไปแล้ว พร้อมย้ำด้วยว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: