ไม่พบผลการค้นหา
ราชบัณฑิตแพทยสภาเบลเยียม ชี้ว่าการบังคับให้เด็กรับประทานอาหารแบบวีแกนผิดจริยธรรม อาจมีความผิดทางกฎหมายฐานไม่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากทำให้เด็กเสี่ยงขาดสารอาหารที่เหมาะสมต่อพัฒนาการ

ราชบัณฑิตแพทยสภาเบลเยียม (Royal Academy of Medicine) ได้เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับการบริโภคอาหารแบบวีแกน เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินของศาลในอนาคตได้ โดยนี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยงานดูแลด้านสุขภาพในเบลเยียม แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการบริโภคแบบวีแกน

ในความเห็นทางกฎหมายดังกล่าว ระบุว่าการให้เยาวชนบริโภคอาหารแบบวีแกนนั้นผิดต่อจริยธรรม เนื่องจากทำให้เด็กขาดโปรตีนจากสัตว์ และกรดอะมิโนที่สำคัญซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตและป้องกันปัญหาสุขภาพ

ทั้งนี้ มีการประมาณการว่าเยาวชนชาวเบลเยียมประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ถูกบังคับให้บริโภคอาหารวีแกนอย่างเข้มงวด ซึ่งห้ามกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทั้งหมด รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนมและไข่ด้วย ต่างจากการบริโภคอาหารมังสวิรัติ

การบริโภคอาหารแบบวีแกนจะปลอดภัยสำหรับเด็กวัยกำลังโตก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ มีการตรวจเลือดเป็นประจำ และได้รับวิตามินเสริม เพื่อเลี่ยงการขาดสารอาหารและการเจริญเติบโตช้าซึ่งมิอาจแก้ไขย้อนหลังได้

ศาสตราจารย์ จอร์จ แคซิเมียร์ ผู้นำคณะกรรมการซึ่งจัดทำรายงานความคิดเห็นดังกล่าว กล่าวว่าเมื่อยังเป็นเด็กร่างกายจะสร้างเซลส์สมอง ซึ่งต้องการโปรตีนจำนวนมากขึ้นรวมถึงกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง ต้องได้รับผ่านโปรตีนจากสัตว์เท่านั้น และพัฒนาการบางอย่างต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาจำเพาะเท่านั้น

รายงานความเห็นทางกฎหมายชิ้นนี้ ยังระบุอีกว่าการบริโภคอาหารแบบวีแกนไม่เหมาะต่อทั้งทารกในครรภ์ เด็ก วัยรุ่น สตรีมีครรภ์ และสตรีที่อยู่ในช่วงให้น้ำนม

ความคิดเห็นทางกฎหมายนี้ได้รับการเผยแพร่ภายหลังการเรียกร้องโดย เบอร์นาร์ด เดอวอส เจ้าหน้าที่ส่วนภูมิภาคของรัฐ ผู้เป็นตัวแทนด้านสิทธิและการคุ้มครองเด็กในบรัสเซลส์และวัลโลเนีย พื้นที่ผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสในเบลเยียม

เลอซวา (Le Soir) หนังสือพิมพ์ภาษาฝรั่งเศสในเบลเยียม รายงานว่า เดอวอสเรียกร้องให้ทางราชบัณฑิตแพทยสภาแสดงจุดยืน ภายหลังเยาวชนประสบภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพ รวมถึงมีเด็กจำนวนหนึ่งเสียชีวิตจากโรงเรียน สถานดูแลเด็ก และโรงพยาบาล ความเห็นทางกฎหมายนี้จะทำให้เดอวอสทำงานง่ายขึ้นในการแยกตัวเด็กจากผู้ปกครองที่ยืนกรานจะให้เด็กบริโภควีแกน

ศาสตราจารย์แคสซิเมียร์ เตือนว่านับจากนี้การคุมอาหารอย่างเข้มงวดเช่นนี้ ในทางกฎหมายจะถูกนับได้ว่าเป็นการไม่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ซึ่งเป็นอาชญากรรมมีโทษทั้งจำทั้งปรับ โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ในเบลเยียม ทั้งนี้แคสซิเมียร์กล่าวกับหนังสือพิมพ์เลอซวา ว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ถูกตัดสินว่ามีโทษ หากผู้เพิกเฉยไม่ตระหนักว่าบุคคลอื่นกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ความเห็นทางกฎหมายของราชบัณฑิตแพทยสภา จะทำให้ในขณะนี้ความรู้ที่ว่าการคุมอาหารแบบวีแกนสามารถฆ่าคนได้เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป

“เราจำเป็นต้องอธิบายกับผู้ปกครองทั้งหลายก่อนที่จะบังคับพวกเขา แต่เราไม่สามารถทนยอมรับการกระทำอันตรายเหล่านี้ได้อีกแล้ว” แคสซิเมียร์ก่อน

ดาวน์ คาร์ ผู้อำนวยการโครงการวีแกน องค์กรพิทักษ์สัตว์ PETA แห่งสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นแย้งว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระที่โง่เง่ามาก สำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ (National Health Service) ก็ยืนยันแล้วว่าอาหารจากเนื้อสัตว์และนมทำให้ผู้คนเจ็บปวดเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงทำให้เส้นเลือดแข็งตัว นำไปสู่การเป็นเส้นเลือดตีบ หลอดเลือดสมองโป่งพอง และโรคหัวใจ แต่การกินอาหารแบบวีแกนโดยมีการวางแผนอย่างดีนั้นเหมาะกับทารกและเด็ก

"เด็กๆ รวมถึงลูกของฉันด้วย ต่างก็เติบโตแข็งแรงด้วยการกินอาหารวีแกนอย่างสมดุล แต่ไม่ว่าจะกินอาหารแบบไหน ก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะรับผิดชอบให้ลูกของพวกเขาได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอ และใช่ มันทำได้ง่ายกว่าด้วยการการกินอาหารวิแกนเปี่ยมด้วยสารอาหารในธัญพืชเต็มเมล็ด ผัก และถั่ว" คาร์ กล่าว

ฮีทเธอร์ รัสเซลล์ นักโภชนาการ จากเดอะวีแกนโซไซตี (The Vegan Society) กล่าวว่าการวางแผนการกินนั้นสำคัญสำหรับทุกคน ไม่ใช่แค่ชาววีแกน และมันเป็นไปได้ที่จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและพพัฒนาการโดยไม่ต้องบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์

"ทั้งสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งอังกฤษ (British Dietetic Association) และ สถาบันโภชนาการและการกำหนดอาหารแห่งอเมริกา (American Academy of Nutrition and Dietetics) ก็นับว่าการกินอาหารวีแกนโดยมีการวางแผนที่ดี สามารถช่วยให้คนทุกวัยมีสุขภาพแข็งแรงได้ ทั้งทารก เด็ก วัยรุ่น สตรีมีครรภ์ และแม่ซึ่งอยู่ในช่วงให้น้ำนม" รัสเซลล์ กล่าว

ในปี 2017 ณ เทศบาลเบเวอเรน ประเทศเบลเยียม มีคู่สามีภรรยาถูกตัดสินรอลงอาญา 6 เดือน หลังปล่อยให้ลูกวัย 7 เดือนเสียชีวิตด้วยการขาดสารอาหารและขาดน้ำ โดยการเสียชีวิตของทารกดังกล่าว มีบรรดาแพทย์ตำหนิว่าเป็นเพราะผู้ปกครองเลือกให้แต่น้ำนมจากพืชเป็นอาหารเท่านั้น

ที่มา: The Telegraph / The Brussels Times / The Irish Independent