วันที่ 28 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท และ พ.ร.ก.ที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับเกี่ยวกับการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า รัฐบาลต้องการให้การทำงานนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันเพราะ พ.ร.บ.ควบคุมโรคไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ แต่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้รัฐบาลคล่องตัวในการสั่งการ และทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง หากไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะอลหม่าน แล้วใครจะรับผิดชอบสุดท้ายก็จะโทษมาที่รัฐบาล
“ยืนยันว่า รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ และใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเฉพาะจำเป็นเท่านั้น จึงขอให้เข้าใจว่ามีมาตรการเบาไปหาหนัก ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อ รัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้ห้ามการเดินทางไปไหนมาไหน ไม่มีใครอยากใช้กฎหมาย แต่คนเราจะปฏิเสธกฎหมายไม่ได้ มีมาตราหนึ่งบอกไว้ว่า คนไทยทุกคนต้องปฏิบัติและเคารพ กฏหมาย จะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมายไม่ได้ รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ผ่อนผันกันมาแต่บางเรื่องก็ปล่อยไปไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหาย ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เรียนออนไลน์ให้ผู้ปกครองดูพร้อมเด็ก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเรียนออนไลน์ ขออย่ามองสิ่งที่เป็นปัญหา ตนเองเคยได้ให้นโยบายไว้กับกระทรวงที่เกี่ยวข้องว่าจะทำอย่างไรให้นักเรียนนั้นมีการเรียนที่ต่อเนื่อง และตนก็เห็นว่าพ่อแม่ผู้ปกครองและปู่ย่าตายาย สามารถดูโทรทัศน์ไปพร้อมกับเด็กๆ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็เป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์และค่าใช้จ่าย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับฟัง รมว.คลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงต่อที่ประชุมซึ่งก็มีหลักการและเหตุผล ยกเว้นแต่จะไปรับฟังแต่ปัญหาและความเดือดร้อนแต่ไม่ยอมฟังเหตุผลที่รัฐบาลชี้แจง ดังนั้น จึง ขอให้ทุกคนฟังในสิ่งที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงในที่ประชุมสภาด้วย พร้อมระบุอีกว่า หากทุกคนช่วยรัฐบาลโดยไม่ถือว่าตัวเองเป็นฝ่ายใด ประเทศไทยก็จะเดินหน้าไปได้ไกลกว่านี้
แจงจ่ายค่าตอบแทนให้ อสม. ผู้ใหญ่บ้านสู้โควิด-19 ไปแล้ว
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงเรื่องที่สมาชิกอภิปรายขอให้เพิ่มค่าตอบแทนของ อสม.กำนันและผู้ใหญ่บ้านในการต่อสู้กับโควิด-19 ว่า ตนได้จ่ายค่าตอบแทนไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นต้องไปทำความเข้าใจกับการใช้งบประมาณ เพราะมีทั้งงบประมาณ ฉุกเฉินกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี และไม่รู้ว่า สถานการณ์จะยืดยาวไปแค่ไหน ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ทิ้งบุคลากรที่ปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อย่างแน่นอน แต่ขอให้ไปดูว่ามีใครที่ทุจริตหรือไม่ แต่ตอนนี้คงไม่มี ขอให้สบายใจว่า รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว
ส่วนที่มีข้อห่วงใยจากสมาชิกว่า การกู้เงินจะเป็นการเพิ่มหนี้ให้กับประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ประเทศไทยมีหนี้สาธารณาอยู่แล้วจากเดิม แต่การเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก 51 เปอร์เซ็นต์นั้นก็เพื่อการรักษา เยียวยาและฟื้นฟู ซึ่งมีการจำแนกไว้อยู่แล้วว่าจะใช้เงินไปทำอะไรบ้าง และการบริหารจัดการเงินจะเป็นไปตามกฏหมายทุกประการ
วอนเงินเยียวยา 5,000 บาท ใช้เลี้ยงชีพ อย่าเอาไปผ่อนมอเตอร์ไซค์
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในระยะเวลา 3 เดือนว่า เงินที่ให้ไปให้ไปเพื่อดำรงชีวิตในช่วงโควิด-19 ไม่ได้ให้ไปเพื่อใช้ผ่อนมอเตอร์ไซค์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง