ไม่พบผลการค้นหา
'สาธิต' ยัน 'ทหารอียิปต์' ติดโควิด-19 ฝ่าฝืนคำสั่งกักตัว 14 วัน อ้างข้อยกเว้นสิทธิทหาร 11 ข้อ เตรียมลงพื้นที่สแกน พบมี 2 ห้างดังและ 1 โรงแรมที่ทหารไปเดิน ส่วนลูกทูตซูดานยังไม่ได้รับรายงานเชิงลึกว่าไปพื้นที่ไหนในกรุงเทพฯ รอตรวจสอบชัดเจนอีกครั้ง

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นทหารสัญชาติอียิปต์ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เข้าพักโรงแรมใน จ.ระยอง และตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อช่วงเย็น 13 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสาธิตได้ประชุมผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับกรมควบคุมโรค เพื่อสอบถามและฟังรายงานสถานการณ์ ล่าสุดพบว่าตอนนี้มีพื้นที่เสี่ยง 3 จุด คือห้างแหลมทอง ห้างเซ็นทรัล และโรงแรมดีวารี

โดยในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) ตนจะเดินทางไปพร้อมกับชุดปฏิบัติการกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ และขอชี้แจงว่า ทหารอียิปต์ที่เข้าพัก ฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัดและเจ้าหน้าที่ โดยไม่ยอมให้ตรวจ และไม่ฟังคำสั่งของจังหวัด โดยอ้างว่าได้รับสิทธิพิเศษ ไม่จำเป็นต้องตรวจ และพบว่าหลังจากเวลาดังกล่าว ในวันที่ 10 ก.ค. ทหารอียิปต์ได้ออกไปเดินห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ขอให้กักตัวและขอตรวจ แต่ทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อไม่ยอม จนต้องนำตำรวจมาจึงยอมตรวจ 

ส่วนโรงแรมก็ได้ปฏิบัติตามกฎที่ให้บริการตามมาตรการควบคุมโรค และได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับทหารกลุ่มนี้ทำตามมาตรการการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมยอมรับว่าแอปพลิเคชันไทยชนะ อาจจะไม่ครอบคลุมในเรื่องของฐานข้อมูล เพราะประชาชนบางส่วนก็ไม่ได้เช็กอิน 

ส่วนกรณีลูกของทูตซูดานที่เข้าพักอาศัยในคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงนั้นยังไม่ได้รับข้อมูลเชิงลึก ต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง

กรมควบคุมโรค เร่งดำเนินการสอบสวนครอบครัวทูต-ทหารป่วย

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีลูกเรือของเที่ยวบินทางทหาร ตรวจพบการติดเชื้อโรคโควิด 19 ขณะมาปฏิบัติภารกิจการบิน นั้น จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าเที่ยวบินทางทหารดังกล่าว มีกัปตันและลูกเรือ รวม 31 คน เป็นทหารจากประเทศอียิปต์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ ตามมาตรการของคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวปฏิบัติตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 6 ในข้อ (5) ซึ่งอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด และไม่ออกไปนอกพื้นที่สาธารณะจนกว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งกลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะกลุ่มนี้ เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 63 เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และกลับออกไปในวันที่ 11 ก.ค. 63 

ทั้งนี้ เมื่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ได้รับแจ้ง จึงเข้าดำเนินการติดตามทีมลูกเรือที่เข้าพักในโรงแรม ในวันที่ 10 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 11.00 น. และพบว่าทีมลูกเรือดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในโรงแรมตามมาตรการที่กำหนดไว้ จึงมีการตรวจสอบ พบว่าลูกเรือได้เดินทางไปห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงแรม จึงมีการออกติดตามให้กลับมา และทำการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อโรคโควิด 19 เนื่องจากมีการออกไปนอกโรงแรมจึงต้องมีการตรวจ ให้มั่นใจว่าจะไม่มีการติดเชื้อ และแพร่ไปในชุมชน ซึ่งต่อมาหลังจากลูกเรือเดินทางกลับ ผลการตรวจพบว่า พบเชื้อจำนวน 1 ราย ซึ่งทหารกลุ่มดังกล่าว ได้เดินทางกลับประเทศไปแล้วในช่วงเที่ยงของวันที่ 11 ก.ค. 63  

ทางทีมงานจึงได้ลงสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อค้นหาผู้สัมผัส ทั้งที่สนามบิน โรงแรม รถที่ใช้เดินทาง รวมทั้งที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อทำการตรวจหาเชื้อต่อไป โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการตรวจทางห้องปฏิบัติการในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (พนักงานโรงแรมที่ให้บริการคณะลูกเรือจากต่างประเทศ) ทำความสะอาด และปิดให้บริการในชั้นที่รับลูกเรือเข้าพัก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ส่วนกรณีที่มีเด็กหญิงที่มาในครอบครัวทูตติดเชื้อโควิด - 19 นั้น จากการสอบสวน พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นเพศหญิง อายุ 9 ปี ปัจจุบันเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เป็นรายที่เคยรายงานเป็นผู้ป่วยและมีการแถลงข่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 63 โดยประวัติของผู้ป่วยเดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกาพร้อมกับครอบครัวที่เป็นคณะทูต ซึ่งก่อนเดินทางได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด 19 พร้อมครอบครัวรวม 5 คน เป็นไปตามขั้นตอนและมาตรการก่อนเดินทางเข้าไทย ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อที่ประเทศต้นทาง และเดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 63 เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการซ้ำ ผลตรวจพบเด็กหญิงติดเชื้อโควิด 19 จำนวน 1 ราย จึงได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล

ในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยของครอบครัวทูตดังกล่าว เป็นไปตามมาตรการของคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวปฏิบัติตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 6 ในข้อ (3) บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในประเทศไทย หรือบุคคลในหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว

ทั้งนี้ในเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วย มีผู้โดยสารทั้งหมด 245 คน ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังและสอบสวนโรค จำนวน 47 ราย จากการตรวจหาเชื้อพบผู้ติดเชื้อ รวม 12 ราย รวมผู้ป่วยรายนี้ และมีการส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของ กทม. สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ได้ดำเนินการสอบสวนโรคในกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมที่พำนักที่ครอบครัวผู้ป่วยเข้าพักก่อนทราบผลตรวจ โดยค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดและกลุ่มเสี่ยงโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ขณะนี้ยังไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม และได้ให้ทำความสะอาดบริเวณโดยรอบตามมาตรฐานทางสาธารณสุขแล้ว

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคนดำเนินมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องการ์ดอย่าตก ทั้งการสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เพื่อรักษาสภาพการแพร่ระบาดให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปให้ได้นานที่สุด ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422

อ่านเพิ่มเติม