นายนพดล ปัทมะ สส. พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่า การที่ท่านอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปต่างประเทศเพื่อพบกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียและในฐานะประธานอาเซียน ทราบว่ามีการโฟกัสประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาในเมียนมา นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและถือว่ามาถูกทาง ตนเชื่อมั่นว่าประสบการณ์และคอนเน็คชั่นของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จะช่วยให้การคลี่คลายปัญหาและสร้างสันติภาพในเมียนมาได้เกิดขึ้นเป็นจริงมากขึ้น
เพราะต้องยอมรับว่าปัญหาของเมียนมานั้นกระทบต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียนมานานและแม้อาเซียนมีฉันทามติ 5 ข้อหลายปีแล้ว แต่ก็ผลักดันได้ค่อนข้างน้อยและยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมและปัญหาภายในเมียนมาเองก็กระทบกับไทยโดยตรงและกระฉอกข้ามแดนมายังฝั่งไทยเป็นประจำทุกปี เช่นทุกหน้าแล้งก็มักจะมีการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยและมีผู้อพยพข้ามฝั่งมาฝั่งไทย หน้าหนาวก็มีปัญหาเรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และยังมีเรื่องของคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานอาเซียนคนปัจจุบันและอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ทราบดีว่ามีผลกระทบต่อประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ตนจึงมีความหวังว่าการขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาสร้างสันติภาพในเมียนมาของนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานที่ปรึกษาประธานอาเซียนจะเป็นการผนึกกำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาสร้างสันติภาพในเมียนมาอย่างเป็นรูปธรรม เพราะการต่างประเทศหรือการทูตนั้นจะใช้วิธีการเดิมๆ คือโนแอ็คชั่นทอล์คโอนลี่ คือมีแต่พูดกันไปแต่ไม่มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมก็ไม่ได้
'ตนจึงเชื่อมั่นในตัวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และนายกฯอันวาร์ อิบราฮิม ถ้าผนึกกำลังเข้ากับอาเซียน 10 ประเทศและร่วมมือกับประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค เช่นจีน อินเดีย จะช่วยเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เร็วขึ้น อดีตนายกฯทักษิณและนายกฯอันวาร์เป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถและเน้นผลสัมฤทธิ์ของงาน ถ้าแก้ปัญหาและสร้างสันติภาพในเมียนมาได้สำเร็จจะช่วยให้มีอาเซียนมีความเป็นปึกแผ่นและประเทศไทยก็ไม่ต้องแบกรับภาระปัญหาจากประเทศเพื่อนบ้านปีแล้วปีเล่าอีกต่อไป' นายนพดล ปัทมะ กล่าว