ไม่พบผลการค้นหา
ถ้าพูดถึง "หมามุ่ย" สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงคือ อาการคันตามร่างกาย เป็นผื่นบวมแดง แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าหมามุ่ยสามารถรับประทานได้ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารอีกมากมาย

ถ้าพูดถึง "หมามุ่ย" สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงคือ อาการคันตามร่างกาย เป็นผื่นบวมแดง แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าหมามุ่ยสามารถรับประทานได้ อีกทั้งยังมีคุณค่าทางอาหารอีกมากมาย 

 

         

                 ขอบคุณภาพจากประกอบจาก www.gurusiteth.com

 

หมามุ่ย เป็นพืชตระกูลถั่ว ใบมีรูปร่างคล้ายรูปไข่หรือรูปไข่ปนขนมเปียกปูน ดอกสีม่วงดำ ออกเป็นช่อตามง่ามใบ มีเมล็ด 4-7 เมล็ด ฝักจะมีขนอ่อนคลุม และเมื่อฝักแก่จะกลายเป็นพืชที่มีพิษ เมื่อผิวหนังสัมผัสกับขนพิษ ปลายยอดของขนจะแตกออก และฉีดสารพิษออกมา ทำให้ผิวหนังบวมแดง คันและปวดแสบปวดร้อน 

เนื่องจากภาพจำของคนส่วนใหญ่ คิดว่าหมามุ่ยเป็นสิ่งอันตราย คำถามที่ตามมานั่นคือ "หมามุ่ยกินได้จริงหรือไม่?"  

เภสัชกรหญิงผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ยืนยันว่า "หมามุ่ย" สามารถรับประทานได้ โดยรับประทานในส่วนของเมล็ด ส่วนฝักที่คันไม่รับประทานได้  ซึ่งเมล็ดหมามุ่ยสามารถช่วยบำรุงสมอง บำรุงร่างกาย ขณะที่ในอินเดียมีการบันทึกการใช้เมล็ดหมามุ่ยในตำราอายุรเวท สามารถช่วยภาวะการมีบุตรยาก โรคพาร์กินสัน และยังพบองค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ว่ามีสารที่เรียกว่า แอล-โดปา (L-Dopa) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์โดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทอีกด้วย  

 

          

 

ขณะที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้นำหมามุ่ยมาแปรรูปเป็นอาหารทานเล่น ในรูปแบบของคุกกี้และหมามุ่ยเคลือบคาราเมล เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานสมุนไพร อีกทั้งยังเป็นการคิดค้นเพื่อให้ชาวบ้านได้ต่อยอดสร้างรายได้ได้อีกด้วย  

คำถามที่ได้ยินบ่อยเช่นกัน หลังรู้ว่าหมามุ่ยรับประทานได้ คือ "จะนำเมล็ดออกมาจากฝักที่คันได้อย่างไร?"

วิธีการนำเมล็ดหมามุ่ยออกจากฝักที่แสนจะคันนั้น อันดับแรกจะเลือกฝักหมามุ่ยที่แก่จัด เนื่องจากฝักที่แก่จัดจะปริออก สามารถนำเมล็ดออกมาได้ง่าย จากนั้นจะใช้น้ำฉีดไปที่ฝักหมามุ่ยเพื่อไม่ให้ขนที่ติดอยู่กับฝักปลิวกระจาย ขั้นตอนต่อไปผู้เก็บจะสวมถุงมือและชุดป้องกันไปเด็ดฝักออกมาจากต้น และนำฝักที่ได้ไปเผาไฟ ตัวฝักจะไหม้ เหลือเมล็ดที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้ 

 

           

 

สำหรับคุกกี้หมามุ่ย พทป.พรรณิกา มีสา แพทย์ไทยประยุกต์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้เผยสูตรการทำอย่างง่ายโดยมีส่วนผสมคือ เนยสด 700 กรัม , น้ำตาลทรายแดง 350 กรัม , น้ำตาลทรายขาว 350 กรัม , แป้งเค้กตราพัด 1,380 กรัม , ไข่ไก่ 6 ฟอง , ผงโซดา 5 กรัม , ผงฟู 10 กรัม และผงหมามุ่ยที่ได้จากการนำเมล็ดไปบดละเอียด 100 กรัม  ส่วนวิธีการทำนั้น เริ่มต้นจากตีเนยสดและน้ำตาล นำส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดมาตีให้เข้ากัน จากนั้นปั้นเป็นก้อนวางไว้บนถาดที่ทาเนยขาว กดแป้งด้วยส้อม และอบประมาณ 20 นาทีด้วยความร้อน 400 องศาฟาเรนไฮต์ จนสุก 

 

          

          

 

ทั้งนี้ เภสัชกรหญิงผกากรอง กล่าวอีกว่า นอกจากหมามุ่ยจะให้ประโยชน์แล้ว รับประทานมากเกินไปก็จะเป็นโทษได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ใช้ยาจิตเวช ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง เนื่องจากหมามุ่ยจะไปเสริมฤทธิ์ของอาการทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นไปอีก ต้องรับประทานไม่เกินวันละ 15 เมล็ด หรือหากรับประทานในรูปแบบของคุกกี้ ควรไม่เกินวันละ 3 ชิ้น ซึ่งถ้าหากผู้ที่สนใจอยากปรึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณของหมามุ่ย สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร 037-211289 

เป็นอันไขข้อข้องใจของใครหลายๆ คน ว่าหมามุ่ยสามารถรับประทานได้หรือไม่ แต่ถึงอย่างไร ขนของหมามุ่ยก็ยังคงเป็นอันตราย อีกทั้งรับประทานมากเกินก็จะเกิดผลเสีย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้ดี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน 

 

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog