เนเธอร์แลนด์ เสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมสูง เพราะพื้นที่หนึ่งในสี่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่ได้แก้ปัญหาด้วยการสร้างเขื่อน รวมถึงพนังกั้นน้ำ
ด้วยภูมิประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไรน์-เมิส-สเคลด์ ซึ่งเชื่อมติดกับทะเลเหนือ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ จะรอดพ้นจากเหตุอุทกภัย ทั้งที่เกิดขึ้นจากปริมาณน้ำทะเลเอ่อล้น และจากพายุที่พัดคลื่นลมเข้าถล่มชายฝั่ง ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต
แต่เพราะการก่อสร้างและเฝ้าบูรณะพนังกั้นน้ำบริเวณชายฝั่งให้คงสภาพดีเสมอ เป็นเรื่องที่ยากเกินไป ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายสูง ทางการเนเธอร์แลนด์ในทศวรรษ 1950 จึงเร่งแก้ปัญหาด้วยการสร้างเขื่อนขึ้นปิดปากแม่น้ำสเคลด์ตะวันตก ปากแม่น้ำสเคลด์ตะวันออก ปากน้ำ Haringvliet และปากน้ำ Brouwershavense Gat.
อย่างไรก็ตาม ในปี 2496 บริเวณดังกล่าวต้องเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปถึงกว่า 2,000 ราย และทำลายพื้นดินกว่า 150,000 เฮกตาร์ ทำให้ประชาชนตระหนักว่า แผนการดั้งเดิมคงไม่เพียงพอต่อการรับมือกับเหตุอุทกภัยอีกต่อไป
หลังจากเหตุน้ำท่วมใหญ่บรรเทาลงเพียง 20 วัน คณะกรรมการสามเหลี่ยมปากแม่น้ำก็ถือกำเนิดขึ้น เพื่อดำเนินการป้องกันภัยธรรมชาติอันอาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต พวกเขาตัดสินใจสานต่อแผนการเดิมที่ชื่อว่า "เดลตาแพลน" ผนวกกับแผนการเพิ่มเติม ที่มีมาตรการรองรับครอบคลุมยิ่งขึ้นกลายเป็น "โครงการเดลตาเวิร์กส์"
"เดลตาเวิร์กส์" ประกอบด้วยโครงการย่อยทั้งสิ้นถึง 16 โครงการ มีทั้งที่เป็นเขื่อน พนังกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ และกำแพงกันคลื่น โดยส่วนที่เป็นเขื่อนจะทำหน้าที่กั้นน้ำทะเลและแม่น้ำออกจากกัน ซึ่งนอกจะส่งผลดี เพราะตัวชายฝั่งรับน้ำถูกเลื่อนให้อยู่ไกลจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยแล้ว น้ำส่วนที่อยู่ด้านในเขื่อนยังเป็นน้ำสะอาด ซึ่งสามารถใช้ในการเกษตรได้
ในขณะที่ส่วนที่เป็นประตูระบายน้ำ ไม่ได้ทำการปิดกั้นน้ำทะเลจากการไหลสู่แม่น้ำด้านในอย่างถาวร แต่จะปิดประตูเฉพาะเวลาที่มีคลื่นลมแรง ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะน้ำทะลักเข้าสู่บริเวณที่อยู่อาศัยได้เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องจากว่าจะทำให้ชาวประมงที่ดำรงชีพด้วยการจับปลาทะเล สามารถทำอาชีพดั้งเดิมได้
ปัจจุบันโครงการเดลตาเวิร์กส์ได้แล้วเสร็จแล้ว ด้วยการเปิดใช้งานเขื่อนสุดท้ายไปเมื่อปีที่ผ่านมา และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแปดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
Produced by VoiceTV
