กระแสต่อต้านชาวโรฮิงญา และชาวมุสลิมในเมียนมาร์ในปัจจุบันเริ่มต้นขึ้นจากพระชาตินิยมสุดโต่งที่ชื่อว่า พระวีรธุ จากมัณฑะเลย์ ซึ่งถูกขนานนามจากนิตยสารไทม์ว่า นี่คือโฉมหน้าของการก่อการร้ายแบบพุทธ หลังจากที่เขาขนานนามตัวเองว่าเป็น "บิน ลาดินแห่งเมียนมาร์"

ในปี 2001 พระวีรธุตั้งขบวนการ 969 รณรงค์บอยคอตร้านค้าและธุรกิจของชาวมุสลิม รวมถึงทำลายมัสยิดเก่าแก่ ทำให้กระแสเกลียดชังมุสลิมรุนแรงขึ้น หลังมีการกล่าวหาว่าชาวมุสลิมก่ออาชญากรรมข่มขืนชาวพุทธ จนเกิดจลาจลในเมืองซิตตเวของรัฐยะไข่ และเมืองตองอูของเขตพะโค หรือหงสาวดี มีชาวมุสลิมเสียชีวิตไปมากกว่า 200 ราย

ในปี 2003 พระวีรธุถูกตัดสินจำคุก 25 ปีด้วยข้อหารวมกลุ่มองค์กรหรือสหภาพโดยผิดกฎหมาย และข้อหาต่อต้านมุสลิม เพราะการรวมกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง จะทำให้ความขัดแย้งกับกลุ่มชาติพันธุ์นับร้อยในประเทศยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก แต่ในปี 2010 พระวีรธุได้รับการอภัยโทษออกมา และปลุกขบวนการ 969 อีกครั้ง หลังเกิดกรณีชาวโรฮิงญาข่มขืนหญิงพม่า มีการคว่ำบาตรธุรกิจชาวมุสลิม ผลักดันกฏหมายห้ามชาวพุทธและมุสลิมแต่งงานกัน ความเกลียดชังนำไปสู่เหตุรุนแรงอีกครั้งในปี 2012 และ 2013 มีการเผาบ้าน ร้านค้า และมัสยิดในรัฐยะไข่ มีคนเสียชีวิตไปมากกว่า 300 ราย

อย่างไรก็ตาม คราวนี้พระวีรธุไม่ถูกจับ เพราะเขาออกมานำการเดินขบวนสนับสนุนร่างกฎหมายของรัฐบาลนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ ที่ระบุว่าจะให้ส่งชาวโรฮิงญาไปยังประเทศที่สาม หลังจากนั้น รัฐบาลเมียนมาร์จึงเล่นเกมพึ่งพากระแสเกลียดมุสลิม ในการออกกฎหมายกดขี่ชาวโรฮิงญา ใช้กลยุทธ์ให้ทุกกลุ่มชาติพันธุ์ชาวพุทธเลิกรบกับรัฐบาล เพื่อไปเกลียดชังศัตรูร่วมอย่างชาวมุสลิมโรฮิงญาแทน