ศาลอุทธรณ์ สหรัฐฯ ตัดสินให้ NSA มีความผิด จากการสอดส่องข้อมูลประชาชน แม้จะเป็นไปเพื่อป้องกันการก่อการร้าย แต่ควรมีเป้าหมายชัดเจนมากกว่าการเหวี่ยงแห

ความตื่นตัว เรื่องการถูกรัฐสอดส่องข้อมูล เกิดจากการที่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน เปิดเผยว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ หรือ NSA สอดส่องข้อมูลประชาชน จนนำไปสู่การฟ้องศาล

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลาง ในกรุงนิวยอร์ก กลับคำตัดสินเมื่อปี 2013 ให้การที่ NSA แอบบันทึกและดักข้อมูลการโทรศัพท์ของชาวอเมริกัน เป็นเรื่องผิดกฎหมาย  

ผู้พิพากษา ชี้ว่า แม้จะมีบทบัญญัติ ให้ใช้เครื่องมือสอดส่อง และขัดขวางการก่อการร้าย เพื่อให้อำนาจหน่วยข่าวกรอง ในการสืบหาการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย ผ่านการสอดแนมการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ของคนอเมริกัน หลังจากเหตุก่อการร้าย 9/11

แต่การที่ NSA รวบรวมบันทึกการโทรศัพท์ภายในประเทศจำนวนมาก อย่างเป็นระบบเช่นนี้ ไม่อาจตีความว่า เป็นไปตามกฎนี้ได้ เพราะควรมีการระบุเป้าหมายที่ชัดเจน มากกว่าการเหวี่ยงแหเก็บข้อมูลประชาชน  แต่ศาลก็ไม่ได้มีคำสั่งให้ยุติโครงการ แต่ยกหน้าที่นี้ให้สภาคองเกรสจัดการแทน

ก่อนหน้านี้ สภาสหรัฐฯ มีแผนว่า จะผ่านกฎหมายชุดใหม่ เพื่อยุติการเก็บบันทึกข้อมูลต่างๆ เพื่อปกป้องเสรีภาพของประชาชน แต่มีเสียงคัดค้านจาก ส.ว.พรรครีพับลิกัน ผู้นำเสียงข้างมาก ของวุฒิสภา ที่มองว่า ควรคงการสอดแนมนี้ไว้เช่นเดิม

เกล็นน์ กรีนวาลด์ นักข่าวหนังสือพิมพ์ The Guardian หนึ่งในนักข่าวกลุ่มแรก ที่ทำข่าวการเปิดเผยข้อมูลของสโนว์เดน แสดงความเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เมื่อศาลตัดสินว่า NSA ผิดจริง คนที่ออกมาเปิดโปงข้อมูลอันนำมาสู่การสอบสวนความจริงเรื่องนี้ ก็ควรได้รับความขอบคุณ มากกว่าโทษจำคุก / พร้อมชื่นชม สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน ที่ยื่นฟ้องต่อศาล