เฟซบุ๊กเพจมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ป่าเอเชียน (AWAF) เผยแพร่ภาพช้างป่ากว่า 40 ตัวกำลังหาอาหารบนภูเขาขยะ ในเมืองอัมปารา ประเทศศรีลังกา
ทั้งนี้ข้อมูลในเพจระบุว่า กองขยะที่ช้างป่าเข้าไปหาอาหารนั้น ต่างเป็นกองขยะพลาสติกและมีสารเคมีที่เป็นพิษเจือปน ซึ่งส่งผลอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสัตว์และทำให้พวกช้างเหล่านี้เกิดอาการเจ็บป่วยและมีบางตัวเสียชีวิต
ข้อมูลในเพจยังระบุว่า มีช้างป่าตายแล้ว 6 ตัวจากการหาอาหารเพื่อประทังชีวิต
อย่างไรก็ตามภาพช้างป่าออกมาหาอาหารในกองขยะที่ศรีลังกานั้นไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก โดยเมื่อปี 2561 ผู้เชี่ยวชาญด้านช้างเอเชียของศรีลังกากล่าวว่า ช้างป่าหลายร้อยตัวจาก 7,500 ตัวในศรีลังกามีอาการป่วย โดยเชื่อว่าเกิดจากการที่พวกมันกินขยะที่มนุษย์นำมาทิ้งไว้
"ศรีลังกายกให้ช้างเป็นสมบัติของชาติ แต่พวกเราเห็นสัตว์เหล่านี้ต้องออกมาหาอาหารจากกองขยะ ช้างป่าเหล่านี้ไม่ได้หาอาหารในป่าอีกต่อไป พวกมันเหมือนสัตว์ในสวนสัตว์ และเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งที่สมบัติของชาติออกมากินขยะ" ชยันธะ ชเยวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านช้างเอเชียกล่าว
นอกจากนี้เอเอฟพีเคยรายงานว่า เมื่อปี 2560 รัฐบาลศรีลังกาได้มีคำสั่งห้ามทิ้งขยะในพื้นที่โล่งใกล้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งในแถลงการณ์ของทางรัฐบาลระบุว่า มีช้างป่าประมาณ 300 ตัวตาย หลังจากที่พวกมันกินขยะที่มีการปนเปื้อนแบคทีเรียเข้าไป
นอกจากนี้เมื่อ 2561 รัฐบาลศรีลังกายังมีคำสั่งห้ามนำเข้าพลาสติก โดยให้เหตุผลว่า เพื่อปกป้องช้างป่าและสัตว์อื่นๆ ไม่ให้กินขยะเป็นอาหารและลดจำนวนปริมาณขยะในประเทศ
เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลศรีลังกาพบว่ามีการนำเข้าขยะจากประเทศอังกฤษโดยบริษัทเอกชน จำนวน 263 ตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้รัฐบาลได้ตรวจสอบแล้วพบว่าขยะที่บรรจุอยู่ในตู้นั้นเป็นขยะพลาสติกและขยะอันตราย จึงส่งตู้คอนเทนเนอร์ขยะจำนวน 21 ตู้กลับไปยังประเทศต้นทางทันที
