กฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ได้รับเสียงสะท้อนถามกลับมาว่าเมื่อไหร่จะเลือกตั้ง อยากเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว เพราะหากยังเป็นรัฐบาลนี้ประชาชนคงอดตายแน่ๆ ทั้งนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมาก โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือกที่ตกมาก ทั้งนี้ขายข้าวเปลือก 1 กิโลกรัมซื้อม่าม่ากินไม่ได้ ราคาข้าวเปลือกที่โรงสี รับซื้ออยู่ที่ 6,500-7,000 บาทต่อตันในขณะที่ต้นทุนการเพาะปลูกพุ่งเกิน 6,500 บาทต่อไร่ ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนตั้งแต่ขาย
ปัจจัยสำคัญมาจากการที่รัฐบาลปล่อยให้ต้นทุนสินค้าจำเป็นในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวปรับขึ้นไปหลายเท่าตัว โดยเฉพาะราคาปุ๋ยจาก 600 บาทต่อกระสอบปรับราคาขึ้นไป 3 เท่าตัวไปอยู่ที่ราคา 1,800 บาทต่อกระสอบ นอกจากนี้การเก็บเกี่ยวต้องใช้แรงงานคนซึ่งเป็นต้นทุน เกษตรต้องขายขาดทุน ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปีไหนเลยที่เกษตรกรมีความสุข เพราะรัฐล้มเหลวในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร
กฤษฎา กล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล บริหารแบบข้าเก่งที่สุด ไม่ฟังใคร ผลที่ออกมาคือเศรษฐกิจพังพินาศ นโยบายของรัฐบาลไม่สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้เลย เอสเอ็มอีปิดกิจการนับหมื่นราย หลายพื้นที่ถูกขายให้ต่างชาติ จนไม่เหลือผู้ประกอบการ 8 ปีที่ผ่านมา ความเหลื่อมล้ำเพิ่มสูงขึ้น เพราะนายทุนตักตวงผลประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ที่ประกาศออกมา ระบบการเงินหมุนเพียงรอบเดียวส่งผลใ ห้กระแสเงินสดในประประเทศไหลเข้าสู่นายทุนเจ้าสัว ไม่หมุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผิดหลักการเศรษฐศาสตร์มาก ยิ่งหมุนน้อยค่าของเงินก็ลดลง
“นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ประกาศว่าขอเวลาอีก 2 ปี จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้น แล้วที่ผ่านมา 8 ปี มัวไปทำอะไรอยู่ เวลานี้ พลเอกประยุทธ์ ใช้เวลาในการเดินสายหาเสียงมากกว่าการแก้ปัญหาประเทศที่มีอยู่ ทั้งนี้ประชาชนมองว่าหมดเวลาของพลเอกประยุทธ์นานแล้ว ควรไปได้แล้ว เพราะการมีอยู่ของพลเอกประยุทธ์ไม่เคยช่วยให้ะประชาชนดีขึ้น มีแต่แย่ลงทุกวัน หากปล่อยให้พลเอกประยุทธ์รั้งอำนาจต่อไปประชาชนคงไร้ความสุขอย่างแน่นอน” กฤษฎา กล่าว