ไม่พบผลการค้นหา
ทีมฟุตบอลหญิงของสหรัฐฯ เพิ่งได้ครองแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 4 ตามที่หลายฝ่ายคาดหมาย แต่ชัยชนะครั้งนี้ได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกมากกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา เพราะดราม่าหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐฯ เพิ่งได้รับชัยชนะในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกสมัยที่ 4 หลังจากเอาชนะเนเธอร์แลนด์ในรอบชิงชนะเลิศไปด้วยสกอร์ 2-0 แม้หลายฝ่ายจะคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้วว่า สหรัฐฯ จะคว้าแชมป์ไปได้อีกสมัย แต่แรงเชียร์ในครั้งนี้กลับมีมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะชัยชนะครั้งนี้มีความสำคัญทางการเมืองมากทีเดียว ตั้งแต่เรื่องอคติทางเพศ การไม่ร้องเพลงชาติ วิวาทะระหว่างกัปตันทีมและประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

 อคติทางเพศในวงการกีฬา

ตอนเริ่มการแข่งขัน ทีมฟุตบอลหญิงสหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า นักเตะของทีมชาติสหรัฐฯ ซึ่งเป็นทีมอันดับ 1 ไม่ให้เกียรตินักเตะชาวไทย ซึ่งอยู่อันดับที่ 34 ด้วยการแสดงอาการดีใจมากจนหลายคนมองว่าไม่เหมาะสม หลังถล่มทีมไทยไปได้ถึง 13-0 เป็นสถิติใหม่ที่ยิงประตูต่อเกมมากสุดตลอดกาลในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก แม้นักเตะทีมชาติสหรัฐฯ จะเข้าไปกอดปลอบใจนักเตะชาวไทยหลังจบเกมแล้วก็ตาม 

จากนั้น การแสดงท่าทางล้อเลียนหลังทำประตูได้ของนักเตะอเมริกันก็เป็นประเด็นขึ้นอีกครั้ง เมื่ออเล็กซ์ มอร์แกน นักเตะทีมชาติสหรัฐฯ ทำท่าจิบชา หลังทำประตูได้ ระหว่างการลงแข่งกับทีมชาติอังกฤษ ซึ่งทำให้เธอออกมาตอบโต้ว่า เธอเห็นว่า มี “สองมาตรฐานในการฉลองชัยชนะของนักกีฬาผู้หญิงที่รู้สึกว่า ผู้หญิงจะต้องถ่อมตัวกับความสำเร็จของเรา” ในขณะที่นักกีฬาชายไม่ถูกวิจารณ์ด้วยเรื่องเหล่านี้

เรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศที่เห็นได้ชัดอีก 1 เรื่องก็คือ ค่าตอบแทนของนักฟุตบอลหญิงและนักฟุตบอลชายยังไม่เท่ากัน หลังจากจบการแข่งขันรอบชิงแชมป์ แฟนบอลได้ร่วมกันตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “Equal pay” เพื่อเรียกร้องให้ฟีฟ่าพิจารณาปรับเงินรางวัลให้เท่ากันระหว่างนักฟุตบอลชายและหญิง

ก่อนหน้านี้ เมแกน ราพิโน กัปตันร่วมของทีมฟุตบอลหญิงสหรัฐฯ กล่าวว่า ฟีฟ่าไม่เคารพนักกีฬาหญิงมากเท่ากับนักกีฬาชาย เห็นได้ชัดจากเงินรางวัลที่ให้กับการแข่งขันฟุตบอลชายสูงกว่าฟุตบอลหญิงมาก โดยเงินรางวัลสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชายชิงแชมป์โลกปี 2018 อยู่ที่ 400 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกปีนี้ได้เงินรางวัลเพียง 30 ล้านดอลารร์เท่านั้น

แม้จิอันนี อินฟาติโน ประธานฟีฟ่าประกาศว่า ฟีฟ่าจะเพิ่มเงินรางวัลให้กับทีมนักฟุตบอลหญิงเป็น 2 เท่า ในปี 2023 แต่ราพิโนก็เห็นว่าไม่ยุติธรรมอยู่ดี “เราควรจะเพิ่มเป็ฯ 2 เท่าตั้งแต่ตอนนี้ แล้วค่อยเพิ่มอีก 2 เท่า หรือ 4 เท่าให้ครั้งหน้า”

 

เมแกน ราพิโน VS. โดนัลด์ ทรัมป์

อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนทั่วโลกหันมาสนใจการแข่งขันฟุตบอลหญิงปีนี้ก็เพราะเกิดวิวาทะระหว่างเมแกน ราพิโน กัปตันร่วมของทีม และโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชัยชนะของทีมฟุตบอลหญิงของสหรัฐฯ จึงเหมือนเป็นการตบหน้าทรัมป์เบาๆ ด้วย โดยแฟนบอลถึงกับตะโกนว่า “F*ck Trump” ระหว่างที่สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน รายงานบรรยากาศการเฉลิมฉลองของแฟนบอล

ดราม่าระหว่าง 2 คนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ราพิโนไม่ยืนร้องเพลงชาติก่อนการแข่งขัน ทำให้เธอเป็นนักกีฬาอาชีพผิวขาวคนแรกที่ไม่ยืนร้องเพลงชาติ เพื่อเป็นการสนับสนุนโคลิน เคเปอร์นิก นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ประท้วงความรุนแรงต่อคนผิวสีและคนกลุ่มน้อยด้วยการไม่ยืนร้องเพลงชาติก่อนการแข่งขัน จากนั้น ทรัมป์ก็แสดงความเห็นว่า เมแกนไม่ควรดูหมิ่นประเทศ ทำเนียบ หรือธงชาติ

เมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ราพิโนให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอจะไม่ไปทำเนียบขาว หากทีมฟุตบอลหญิงชนะฟุตบอลโลกแล้วได้รับเชิญให้ไปพบประธานาธิบดี และเธอก็คิดว่า ทรัมป์น่าจะไม่เชิญพวกเธอไปทำเนียบขาวด้วย


ด้านทรัมป์จึงทวีตว่า “ผมเป็นแฟนตัวยงของทีมสหรัฐฯ และทีมฟุตบอลหญิง แต่เมแกนจะต้องชนะให้ได้ก่อนจะมาคุย ทำหน่าที่ให้เสร็จ! เรายังไม่ได้เชิญเมแกนหรือทีม แต่ผมจะเชิญทีม ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้”



หลังจากนั้นไม่กี่วัน อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ คอร์เตซ ส.ส.ขวัญใจรากหญ้าจากพรรคเดโมแครตได้ทวีตว่า “นี่อาจไม่ใช่ทำเนียบขาว แต่เรายินดีต้อนรับราพิโนและทีมฟุตบอลหญิงของสหรัฐฯ ทั้งทีมไปเยือนสภาผู้ราษฎรได้ทุกเมื่อ” ซึ่งราพิโนก็ตอบรับคำเชิญไปแล้ว



เมื่อทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐฯ คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ได้แล้ว หลายคนจึงจับตาท่าทีของทรัมป์ว่าออกมาแสดงความยินดีกับชัยชนะของทีมชาติสหรัฐฯ ช้ามาก ทั้งที่ปกติเป็นคนที่ทวีตข้อความต่างๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังต้องจับตาว่า ทรัมป์จะยังเชิญทีมชาติสหรัฐฯ ไปทำเนียบขาวหรือไม่ และราพิโนกับทีมชาติสหรัฐฯ จะรับคำเชิญดังกล่าวหรือไม่


ที่มา : The Guardian, BBC, Wasionton Examiner, The Huffington Post, CNN