ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ห่วงสถานการณ์ในประเทศ ขอทุกอย่างสงบโดยเร็ว หากไม่เคารพกฎหมาย จะอยู่ลำบาก ขอทุกคนระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรอบบ้าน ขอให้เหตุการณ์กลับไปสู่ปกติโดยเร็ว ย้ำปรับ ครม.อีกไม่นาน ยืนยันเคารพกติการพรรคการเมือง แต่ขอรอดูตัดสินใจขั้นสุดท้าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าวันนี้ รัฐบาลได้ประชุมดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง วันนี้พูดไปหลายอย่างก็คงได้ยินกันแล้ว วันนี้เป็นการทำงานบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวง ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้มีรายได้น้อย ดูแลกลุ่มเปราะบาง คนพิการ การดูแลผู้สูงวัย รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง มีแผนการดำเนินงานทั้งสิ้น เพราะถือว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับงบประมาณทั้งสิ้น ทำอย่างไรจะไม่มีภาระในวันข้างหน้า เราจึงต้องไปเสริมอาชีพ รายได้ เศรษฐกิจใหม่ อุตสาหกรรมใหม่ ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งอันนี้หลายคนคงทราบดีกันอยู่แล้ว 

นายกรัฐมนตรี ยังห่วงใยในสถานการณ์ของเรา ก็อยากให้ทุกอย่างสงบได้อย่างโดยเร็ว ทุกอย่างเราจำเป็นต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ในการทำงาน และก็ให้เข้าใจถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐ มาตรการของเจ้าหน้าที่ รวมถึงกฎหมายที่มีอยู่ ถ้าเราไม่เคารพกฎหมายกัน ก็คงอยู่ไม่ได้ ทุกประเทศก็เป็นแบบนี้ ในส่วนของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ของเราอาจจะเป็นแบบตะวันตก ซึ่งเราก็ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน เพราะว่าประชาชนของเรามีความผูกพันธ์ มีความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน กับประเทศรอบบ้าน แต่ในส่วนของอื่นๆ เป็นเรื่องของการดำเนินการที่เราจะต้องส่งเสริม ให้กลับไปสู่เหตุการณ์ปกติให้ได้โดยเร็ว ก็เป็นห่วงกังวลเท่านั้นเอง


ย้ำปรับครม.อีกไม่นาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการคัดสรรบุคคลในคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่ ว่าตนเคารพทั้งในกติการพรรคการเมืองและตนเองก็มีหน้าที่คัดสรรคนที่เสนอเข้ามาเพื่อบรรจุรัฐมนตรีแทนในตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดๆ และขอให้รอดูแล้วกันว่านายกรัฐมนตรี จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายยังไง ซึ่งคงไม่นานนัก


พิจารณาผ่อนคลายมาตรการช่วงสงกรานต์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ขณะนี้ไม่ได้มีการปิดกั้นการเดินทางแล้วแต่อย่างใด ช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมาก็มีการเดินทางท่องเที่ยวกันจำนวนมาก ประชาชนมีการป้องกันตนเองใส่หน้ากากอนามัยเว้นระยะห่างระวังบุคคล ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับโควิด-19 ได้อย่างไร จนกว่าจะผ้านพ้นไป

พร้อมย้ำว่ามาตรการการผ่อนคลายในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หากผ่อนคลายทั้งหมดเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไรแก้ไขอย่างไร วันนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ปลดล็อกบางอย่างหรือทั้งหมด หากระบาดขึ้นมาก็จะโทษกลับมายังรัฐบาล ขอให้เข้าใจตรงนี้เป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายนัก เพราะต้องรับผิดชอบคนทั้งประเทศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุถึงที่มีการฉีดวัคฉีดในจำนวนหนึ่ง และยอมรับว่ามีปัญหาอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการให้เกิดความเป็นธรรมและทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหน้างานก่อน อย่างบุคลากรทางการแพทย์ ทหารตำรวจที่ดูแลเรื่องด่านตรวจ อสม. เพราะมีความเสี่ยงสูง เจอคนจำนวนมาก และการจัดหาวัคซีนจะเดินทางเข้ามาเป็นล็อต ก็จะมีการปรับเพิ่มให้ วันนี้ให้กระจายไปยังจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่จะมาเอาเป็นเอาตายในล็อตแรก ก็จะมีเข้ามากหลายล็อต เพิ่มโอกาสให้เอกชนนำเข้าหากผ่านการตรวจสอบทาง อย. ยืนยันเปิดกว้างทั้งหมด แต่วันนี้วัคซีนถูกใช้ทางการแพทย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อทุกอย่างควบคุมได้ จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร 

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงถึงกรณีที่ผู้ที่มีการฉีดวัคฉีดแล้วให้ทำพาสปอร์ตวัคซีนเหมือนในต่างประเทศ โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพราะฉะนั้นโลกอยู่ด้วยวัคซีน และที่ผ่านมาตนได้ติดตามผลการฉีกวัคซีนยังไม่ผลค้างเคียงร้ายแรง เป็นเพียงเป็นไข้ ปวดแขนเหมือนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ดี พร้อมกับข้อความร่วมมือสื่อมวลชน สิ่งดีดีเกิดขึ้นจนคนไม่สนใจ 

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เช่นการรับบัตรสวัสดิการ เบี้ยคนพิการ สำคัญที่สุดคือเมื่อย้ายที่อยู่ไปแล้วจะต้องมีการแจ้งกับเขต เพื่อปรับ Data ที่มีอยู่ ไม่ใช่ย้ายไปที่ใดก็ไม่มีใครทราบ ซึ่งต้องเป็นการเรียนรู้สิทธิว่าจะรักษาสิทธิ์อย่างไรในการเข้าถึงมาตรการของรัฐ  

ซึ่งนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การทำงานเริ่มใหม่ๆๆ การทำงานเพื่อคนเป็นล้านคนไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิดจนเจอปัญหานี้มาโดยตลอดพยายามปรับพยายามแก้พยายามริเริ่มอะไรใหม่ๆ พร้อมกับระบุว่า ฝากสื่อมวลชนช่วยกันอธิบายการสร้างความรับรู้ วันนี้ตนปรับรูปแบบการทำงานใหม่ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่รัฐบาลทำ อย่าให้เขาหาว่าไม่ทำอะไรเลย หลายอย่างเกิดขึ้น โดยที่ไม่มีการเริ่มต้นมาก่อน หลายอย่างเป็นโครงการที่ดีต้องกระทำต่อเพิ่มให้ นี่คือผลงานของรัฐบาล


เชื่อปม 'รถไฟฟ้าสายสีส้ม' หาทางออกได้ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ว่า อยู่ในกระบวนการแก้ปัญหา เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะพัฒนาเรื่องของรถไฟฟ้าให้อยู่ทุกสายทุกสีให้ได้โดยเร็ว ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ที่คณะทำงาน และมีส่วนที่รับผิดชอบ ซึ่งไม่ได้อยู่ในระดับที่นายกฯ สั่งการได้ เมื่อมีการฟ้องร้องก็ต้องแก้ปัญหา พูดคุยกัน เพื่อหาทางออก ไม่ให้มีผลกระทบทางกฎหมาย ซึ่งหน้าที่นายกฯก็จะดูที่ข้อกฎหมายเท่านั้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :