นายสุชล ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ร่วมกันแถลงข่าวในนามของอดีตประธานรัฐสภาว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังกระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบกับชีวิตคู่ความเป็นอยู่ของประชาชนและระบบเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ประชาชนได้รับความยากลำบาก ของใช้จำเป็นอย่างเช่น หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ ปรากฏว่าหาซื้อยากและมีราคาแพง อีกทั้งยังพบข้อมูลการกักตุนหน้ากากอนามัยโดยกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคนใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลเพื่อหวังผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง ที่ประชุมอดีตประธานรัฐสภาจึงมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว 

อดีตประธานวุฒิสภาได้ยื่นข้อเสนอไปยังรัฐบาลผ่าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา เนื่องจากเห็นว่าทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว ในการพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและเป็นเอกภาพ เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนออกจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ ให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยปราศจากนัยยะทางการเมืองจากพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆโดยสิ้นเชิง จึงขอให้รัฐบาลประกาศและผลักดันให้วิกฤตการณ์ดังกล่าว เป็นวาระแห่งชาติ มีการออกแบบกลไกและบูรณาการจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเมือง ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาชน ร่วมกันหารือปรึกษาหาทางออกเป็นหนึ่งเดียวกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือห้ามไม่ให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย ส่วนคนที่อยู่ในประเทศต้องเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดและรัดกุมมากที่สุด