ไม่พบผลการค้นหา
เรื่องราวชีวิตของนายไสว ทองอ้ม เหยื่อกระสุนปืนของทหารในเหตุการณ์สงกรานต์เลือด บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อปี 2552

รายงานพิเศษ "ขอคืนความยุติธรรม" ในวันนี้เป็นเรื่องราวชีวิตของนายไสว ทองอ้ม เหยื่อกระสุนปืนของทหารในเหตุการณ์สงกรานต์เลือด บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อปี 2552

 

ปัจจุบันเค้ากลายเป็นผู้พิการ ที่ล่าสุดศาลแพ่งพิพากษาให้กองทัพบกจ่ายค่าชดเชยกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย แต่เค้าย้ำว่าเงินจำนวนนี้ไม่สามารถเยียวยาความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้

 

รอยแผลเป็น ตั้งแต่บริเวณหัวไหล่ถึงข้อมือของนางไสว ทองอ้ม คนเสื้อแดงชาวสุรินทร์วัย 40ปีคนนี้ เกิดขึ้นจากการถูกกระสุนปืนของฝ่ายทหารยิงใส่ ในช่วงเหตุสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อเวลาประมาณ 04.00น. ของวันที่ 13 เมษายน 2552 หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สงกรานต์เลือด" 

 

นายไสวถูกยิงใต้หัวไหล่ ขณะหันหลังกลับไปมองฝ่ายทหาร กระสุนปืนตัดเส้นเลือดและเส้นเอ็นทะลุออกด้านหลัง ส่งผลให้แขนซ้ายพิการไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เค้าจึงต้องลาออกจากงานประจำแล้วไปทำนาที่บ้านเกิด  

 

แม้ในเหตุการณ์ครั้งนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายใช้ความรุนแรงและก่อกวนบ้านเมือง ทั้งการปิดถนน, เผารถโดยสารสาธารณะ และนำรถแก็สไปไว้กลางแหล่งชุมชน แต่นายไสวบอกว่า ต้นเหตุเกิดจากการที่รัฐบาลไม่ทำตามข้อเรียกร้องของประชาชน ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจและโกรธแค้นจนนำมาสู่ความรุนแรง โดยเขายืนยันว่าตนเองต่อสู้ตามแนวทางสันติวิธี และมาเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยสองมือเปล่า    

 

21 มิถุนายน 2554 ศาลแพ่งพิพากษาให้กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบกร่วมกันชำระเงินชดใช้ให้นายไสว เป็นเงินจำนวน 1,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 2552 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระค่าเสียหายแล้วเสร็จ ซึ่งหากจำเลยไม่ขออุทธรณ์ภายในวันที่ 16 กันยายนนี้คดีจะถือว่าสิ้นสุด / นายไสว บอกว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนี้ถือเป็นความยุติธรรมที่เค้าได้รับเพียงขั้นต้น แต่เค้าจะเดินหน้าฟ้องร้องทางอาญา เพื่อหาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย 

 

แม้แขนซ้ายจะพิการ แต่นายไสวก็พยายามใช้แขนขวาขับรถยนต์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของคนรอบข้าง โดยคาดหวังว่าหลังจากนี้ประเทศไทย จะเดินหน้าไปพร้อมรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เนื่องจากการรัฐประหารคือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งและความรุนแรงซ้ำซาก 


หากการเมืองมีปัญหาก็ต้องแก้ไขด้วยกฎหมายตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การใช้กำลังทหารเข้ามายึดอำนาจ เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของประเทศแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการอีกด้วย

 

Produced by VoiceTV

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog