ในปีที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติเข้ารับบริการด้านสุขภาพในประเทศไทยรวมแล้ว 1.4 ล้านครั้ง ส่งผลให้ประเทศไทยติดอันดับที่ 14 ของประเทศทั่วโลกที่สร้างรายได้สูงสุดจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
หนึ่งในเทรนด์โลก ที่ส่งผลดีต่อ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทย คือ การปรากฎตัวของ นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า Wellness Traveler ซึ่งนอกจากจะเน้นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว ยังนิยมการท่องเที่ยวเชิงสิ่งแวดล้อม เลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ตลอดจนมองหากิจกรรมเชิงสุนทรียะที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ เช่น การสวดมนตร์ เล่นโยคะ ทำสมาธิ
นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า ในปี 2017 ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะสร้างเม็ดเงินสะพัดสูงถึง 678 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผู้บริหารชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท ชี้ว่า ประเทศไทยไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป
ในงาน ไทยแมชชีน เมื่อเทรนด์โลก ย้อนสู่ ภูมิปัญญาไทย ยังจัดแสดงนิทรรศการ บอกเล่า การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งเป็นจุดเด่นของแพทย์แผนไทย
ขณะที่ วิชานวดไทย ก็กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ดังพบว่า ธุรกิจสปา และนวดไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และสร้างรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในกรุงเทพ และเชียงใหม่ การนวดช่วยให้การไหลเวียนของเลือดลมดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นระบบประสาท และอวัยวะต่างๆ ให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ขณะที่ ก็เริ่มมีวิธีการนวดเพื่อบำบัดรักษาโรค ออฟฟิศซินโดรม และ สมาร์ทโฟนซินโดรมตามมาอีกด้วย
จากศักยภาพในการบำบัดรักษาของการแพทย์แผนไทย และสมุนไพรไทย ถึงความพร้อมด้านเวชศาสตร์ความงามและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ไปจนถึงศาสตร์การนวด ธุรกิจสปา รวมถึงการบริการที่ได้รับการยอมรับในระดับแถวหน้าของโลก คนไม่เกินเลยไปนัก หากจะกล่าวว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วกับการก้าวขึ้นมาเป็น ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในอนาคตอันใกล้นี้