ไม่พบผลการค้นหา
อภิรักษ์ แถลงสู้คดีฮั้วประมูลคดีรถดับเพลิงหลังจาก ปปช.ส่งเรื่องฟ้องศาลฏีการะบุรู้ว่าผิดแต่ยังดำเนินการต่อจนมีผลผูกพันบังคับใช้สัญญา

อภิรักษ์ แถลงสู้คดีฮั้วประมูลคดีรถดับเพลิงหลังจาก ปปช.ส่งเรื่องฟ้องศาลฏีการะบุรู้ว่าผิดแต่ยังดำเนินการต่อจนมีผลผูกพันบังคับใช้สัญญา

 

ตามมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช.เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551 มีมติ 9 ต่อ 0 เสียงชี้มูลความผิดว่ามีนักการเมืองและข้าราชการในกรุงเทพมหานคร มีความผิดในคดีทุจริตโครงการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร มูลค่ากว่า 6,687 ล้านบาท ต่อมามีการส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 โดยมีจำเลยอยู่ 6 คนคือ


1.นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย
2.นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย
3.นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์
4. พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.
5.บริษัท STEYR-DAIMLER-PUCH
6.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร


ในฐานความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และกระทำความผิดการฮั้วประมูล กรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยตามโครงการพัฒนาระบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ซึ่งศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณา และนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้เวลา 10.00 น.


นายอภิรักษ์ ออกคำแถลงชี้แจงว่า โครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงเป็นโครงการที่ผ่านออสเตรีย ได้ยื่นข้อเสนอกับรัฐบาลไทยตั้งแต่ปี 2546 และดำเนินเรื่อยมาจนคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 โดยใช้งบสนับสนุนจากรัฐบาลร้อยละ 60 ทำการบันทึกข้อตกลงความเข้าใจหรือ AOUระหว่างรัฐบาลไทยต่อรัฐบาลออสเตรีย และยังทำสัญญาการค้าต่างตอบแทน โดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีการนำเสนอ ครม.ถึง 4 ครั้งและมีการทำสัญญาซื้อรถและเรือดับเพลิงไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 ตลอดจนมีการเปิด L/c ตามเงื่อนไขในวันที่ 31สิงหาคม 2547 ก่อนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันที่ 6 กันยายน 2547

 

ในคดีนี้นายอภิรักษ์พร้อมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และมอบหมายให้นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ หัวหน้าสำนักงานทนายความเสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าทีมทนายความในการดำเนินคดี


สำหรับทางปปช.ได้ชี้ความผิดของนายอภิรักษ์ว่า เอโอยู ไม่ได้ส่งให้อัยการสูงสุดตรวจสอบ แต่นายอภิรักษ์กลับไม่ตรวจสอบอย่างจริงจังหรือระงับสัญญา เพียงแต่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการจัดซื้อ แสดงว่านายอภิรักษ์รู้ว่ามีความบกพร่องแต่ไม่ดำเนินการ แต่กลับอ้างว่าถูกเร่งรัดให้เปิดแอลซีแก่บริษัทสไตเออร์ ส่งผลให้เกิดความผูกพันและบังคับใข้ระหว่างคู่สัญญาต่อไป 

 

Produced by VoiceTV

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog