กระทรวงกลาโหมอังกฤษเตรียมยกเลิกระเบียบห้ามทหารหญิงปฏิบัติการรบในแนวหน้าเหมือนกับผู้ชาย โดยรัฐมนตรีกลาโหมระบุ เรื่องนี้อยู่ที่ความสามารถไม่เกี่ยวข้องกับเพศสภาพ
    
นายไมเคิล ฟาลลอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอังกฤษ ประกาศเตรียมยกเลิกระเบียบสั่งห้ามมิให้ทหารหญิง ปฏิบัติการรบในแนวหน้าได้เหมือนกับทหารชาย ซึ่งการตัดสินใจของนายฟาลลอนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังกระทรวงกลาโหมของอังกฤษได้ทำวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของการฝึกทหารราบในผู้หญิงมาเป็นเวลาหลายปี จนได้ข้อสรุปว่า ผู้หญิงสามารถปฏิบัติการรบได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับผู้ชาย

นายฟาลลอนกล่าวว่า บทบาทของผู้หญิงในสนามรบอยู่ที่ความสามารถ ไม่ใช่เพศสภาวะ และหวังว่า ระเบียบสั่งห้ามดังกล่าวจะถูกยกเลิกในปีหน้า เมื่อรวมกับการฝึกให้สามารถปฏิบัติการรบในแนวหน้าได้เหมือนผู้ชายแล้ว คาดว่าทหารหญิงเหล่านี้จะเข้าประจำการในแนวหน้าได้ในปี 2016 แต่กระทรวงกลาโหมยังคงต้องรอผลวิจัยเรื่องสมรรถภาพขั้นพื้นฐานของทหารหญิงว่าควรมีคุณสมบัติและวิธีการจัดการฝึกอย่างไรก่อน ถึงจะสามารถยกเลิกระเบียบดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์

อันที่จริงกองทัพอังกฤษมีทหารหญิงประจำการอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประจำการในเหล่าทหารราบ ทหารยานเกราะ เพราะหน่วยทหารเหล่านี้ปฏิบัติภารกิจแนวหน้าเป็นหลัก แต่เมื่อไม่นานมานี้ กองทัพเรืออังกฤษได้ประจำการนายทหารเรือหญิงในหน่วยเรือดำนํ้าเป็นครั้งแรก ขณะที่กองทัพอากาศก็มีทหารหญิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทหารระดับสูงในฐานะนักบิน

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพ โดยพลตรีแพทริค คอร์ดิงลีย์ อดีตผู้บัญชาการกองพลยานเกราะที่ 7 ออกมาระบุว่า การอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถปฏิบัติการรบในแนวหน้าคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของกองทัพ แต่ในอีกทางหนึ่งการฝึกผู้หญิงให้พร้อมประจำการในหน่วยทหารราบและยานเกราะก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรถูกเพิกเฉย

ปัจจุบัน ในหลายกองทัพทั่วโลก ทหารหญิงสามารถปฏิบัติการรบในแนวหน้าได้เหมือนกับผู้ชาย เช่น กองทัพอิสราเอล กองทัพสหรัฐฯ โดยหนึ่งในทหารหญิงที่เคยปฏิบัติการรบในแนวหน้าและคนไทยรู้จักดีที่สุดคือ พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ อดีตนักบินเฮลิคอปเตอร์ประจำกองทัพบกสหรัฐฯ ผู้ได้รับบาดเจ็บระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในสงครามอิรัก ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคเดโมแครต มลรัฐอิลลินอยส์