มหาเถรสมาคม ประกาศห้ามภิกษุสามเณรทุกนิกายบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณีในไทย เหตุภิกษุณีสาบสูญไปจากพุทธเถรวาทนานแล้ว
ประสานกต.ออกประกาศแจ้งพระในต่างประเทศต้องขออนุญาติก่อนเข้ามาจัดบวชในไทย
วานนี้ (11 ธ.ค.) พระพรหมเมธี กรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า จากกรณีที่พระศรีลังกามาบวชภิกษุณีในประเทศไทย 47 คน ณ ทิพยสถานธรรมภิกษุณีอาราม ต.เกาะยอ อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา เมื่อเร็ว ๆ นี้นั้น ที่ประชุม มส.ได้หารือและมีมติให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศ ปฏิบัติตามประกาศของกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ เรื่องห้ามพระเณรไม่ให้บวชหญิง เป็นบรรพชิต พ.ศ. 2471 โดยห้ามมิให้พระภิกษุสามเณรทุกนิกายบวชผู้หญิงเป็นภิกษุณี เป็นสิกขมานา เป็นสามเณรี ด้วยเหตุผลที่ว่า นางภิกษุณีหมดสาบสูญขาดเชื้อสายมานานแล้ว
ทั้งนี้ มีข้อบัญญัติในภิกขุนีขันธกะแห่งวินัยปิฎก จุลวรรคระบุไว้ว่า ผู้หญิงทั่วไปที่อายุยังไม่ครบ 20 ปี สามารถเข้ารับบรรพชาเป็นสามเณรี และเมื่ออายุได้ 18 ปี ให้บวชเป็นสิขมานาผู้รักษาศีล 6 ข้อ โดยไม่ขาดแม้แต่ข้อเดียวเป็นเวลา 2 ปี จนมีอายุครบ 20 ปี จึงจะสามารถเข้ารับการอุปสมบทเป็นภิกษุณีจากอุภโตสงฆ์ คือ คณะสงฆ์ 2 ฝ่าย ได้แก่ ภิกษุณีสงฆ์ และภิกษุสงฆ์ ซึ่งพระวินัยไม่อนุญาตให้ภิกษุ ทำหน้าที่อุปัชฌาย์ในการบรรพชาสามเณรี และอุปสมบทภิกษุณีแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อภิกษุณีในพระพุทธเถรวาทได้ขาดสูญแล้ว การบรรพชาสามเณรีและภิกษุณี จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
พระพรหมเมธี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ภิกษุณีสงฆ์ในประเทศศรีลังกาได้ขาดสูญไปแล้ว ตั้งแต่รัชสมัยของพระเจ้าวิชัยพาหุ และในปัจจุบันคณะสงฆ์และรัฐบาลศรีลังกา ไม่ได้รับรองสถานภาพของภิกษุณีในศรีลังกา ด้วยเหตุผลที่ว่าภิกษุณีสงฆ์เถรวาทได้ขาดสูญไปนานแล้ว การนำภิกษุและภิกษุณีสงฆ์มหายานจากเกาหลี และไต้หวันมาร่วมอุปสมบทแก่ภิกษุณีเถรวาทที่อินเดียย่อมทำให้สังฆกรรมนั้นบกพร่องไม่เป็นไปตามพระวินัยกำหนด
นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ พศ.ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ ในการออกประกาศให้พระสงฆ์จากต่างประเทศมาจัดพิธีบรรพชา อุปสมบท ในประเทศไทย จะต้องแจ้งให้ มส.รับทราบ และออกหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันเหตุการณ์เหมือนที่เกิดขึ้นที่ จ.สงขลา
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : เดลินิวส์