การทำงานกะกลางคืนอาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำงานในช่วงเวลาที่ควรพักผ่อน ส่งผลร้ายต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด โดยทำให้สมองของคนเราแก่ลงถึง 6 ปี
หลายคนทราบดีอยู่แล้วถึงผลเสียของการทำงานกะกลางคืน ทั้งทำให้เสียเพื่อน ไม่ได้ไปคบหาสมาคมกับคนอื่นๆ เพราะเวลาไม่ตรงกัน และยังทำให้ร่างกายเสียสมดุลเพราะฝืนธรรมชาติ แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพราะต้องทำงานในช่วงเวลาที่สมควรจะนอนหลับพักผ่อน
แต่ล่าสุด ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยสวอนซีของอังกฤษ และมหาวิทยาลัยตูลูสของฝรั่งเศส เปิดเผยผลวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ Occupational and Environmental Medicine ซึ่งพบผลเสียใหม่ล่าสุดจากการทำงานกะกลางคืน หรือที่เรียกว่า "Antisocial Hours" เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ตรงกับธรรมชาติของสังคม
ผลเสียที่ว่านี่ก็คือการทำงานกะกลางคืนติดต่อกันนาน 10 ปี จะทำให้สมองของคุณแก่ลงถึง 6 ปี และยังส่งผลต่อสมรรถภาพในการเรียนรู้ ไปจนถึงความจำ และการคิดวิเคราะห์อีกด้วย เนื่องจากสมองถูกบังคับให้ทำงานขัดกับนาฬิกาชีวิตที่ธรรมชาติกำหนดให้ร่างกายมนุษย์ทำกิจกรรมต่างๆตอนกลางวัน และพักผ่อนตอนกลางคืน
ผลวิจัยนี้เก็บข้อมูลโดยการให้ชาวฝรั่งเศส 3,000 คนเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพสมองและความจำ โดยนักวิจัยพบว่าคนที่ทำงานกะกลางคืนติดต่อกันนานกว่า 10 ปี มีสมรรถภาพในการคิดคำนวณ ความจำ การตัดสินใจ และการวิเคราะห์ลำดับความเท่ากับคนที่แก่กว่าตัวเองถึง 6 ปี
ยังดีที่สมองคนเราสามารถฟื้นตัวจากความแก่ก่อนวัยได้หลังจากเลิกทำงานกะกลางคืน แต่ก็ต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปีกว่าจะกลับมาทำงานตามปกติ และแพทย์ยังพบอีกด้วยว่าแม้จะเลิกจากการทำงานกะกลางคืนแล้ว แต่คนเหล่านี้ก็ยังมีคุณภาพการนอนหลับต่ำกว่าคนปกติ เพราะได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองจนผิดธรรมชาติเป็นระยะเวลานานจนไม่สามารถกลับมานอนหลับสนิทตามปกติได้เท่าคนที่ไม่เคยทำงานกะกลางคืน
นอกจากผลกระทบที่การทำงานกะกลางคืนมีต่อสมองและจิตใจ ก่อนหน้านี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่าการทำงานในเวลาผิดธรรมชาติ ทำให้สุขภาพร่างกายแย่ลง เช่นเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน เพราะทำให้ผู้ทำงานกินอาหารในช่วงเวลาที่ระบบเผาเผลาญของร่างกายไม่ทำงาน รวมถึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการทำงานกะกลางคืนเป็น "ความชั่วร้ายที่จำเป็น" แพทย์แนะนำว่าสำหรับคนที่จำเป็นต้องเข้างานกะกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล ตำรวจ หรือพนักงานโรงงาน ควรตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะควรเพิ่มการวัดสมรรถภาพในการจำ เพื่อจะได้สังเกตผลเสียที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้ทันท่วงทีก่อนที่จะสายเกินไป
