นักวิจัย ชี้ตัวเลขอัตราการรีไซเคิลของประเทศไทย ทำให้พบว่า ปัญหาขยะที่แท้จริงมาจาก ขยะเศษอาหาร ขยะที่ ประธานสภาอุตสาหกรรม เตรียมขึ้น Black list โรงงานที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ติดตามได้จากรายงานของ คุณเจนวิทย์  เชื้อสาวะถี

 

ปัญหาสำคัญที่พบในหลายประเทศทั่วโลก คือการจัดการขยะ  แต่ขาดข้อมูลอัตราการรีไซเคิลที่ชัดเจน  ทำให้ภาครัฐไม่มีนโยบายวางแผนจัดการขยะที่ตรงจุด  สภาอุตสาหกรรม จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และภาคี วิจัยอัตราการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์เป็นครั้งแรกในไทย

 

จากผลการวิจัย พบว่า ปริมาณขยะมูลฝอยในไทย  มีจำนวนมากเกือบ 5 หมื่นตันต่อวัน หรือคิดเป็นกว่า 18 ล้านตันตันต่อปี  โดยมีปริมาณมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 1 หมื่น สามพันตัน และรองลงมาคือ ภาคกลาง  กรุงเทพมหานคร  ภาคเหนือและใต้  

 

และจากข้อมูลการสำรวจในภาคสนาม ทำให้พบว่า ปัญหาขยะที่แท้จริงมาจาก ขยะเศษอาหาร 

 

ขณะที่อัตราการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทยในปี 2556  พบว่า  เหล็ก โลหะ อลูมิเนียม มีอัตราการรีไซเคิลสูงถึง ร้อยละ 99 นักวิจัยชี้ว่า เป็นเพราะราคารับซื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ พลาสติก และกระดาษ มีอัตราการรีไซเคิลเพียงร้อยละ 50  เพราะส่วนมากมีสภาพเปียกน้ำ  จนต้องฝังกลบ และราคารับซื้อก็ไม่จูงใจให้นำไปขาย 

 

จากการสำรวจขยะ ที่บ่อฝังกลบ ทำให้พบว่า มีวัสุดที่สามารถรีไซเคิลได้ เพียง ร้อยละ 19  เป็นตัวเลขที่ลดลงจากการสำรวจที่ผ่านมา ที่เคยสูงถึง ร้อยละ 42  ตัวเลขดังกล่าว สะท้อนว่า คนไทย รีไซเคิลขยะมากขึ้น นักวิจัยชี้ว่า เป้าหมายในอนาคต คือ ต้องนำ สังคมไทย ก้าวสู่การเป็นสังคม Zero waste และชุมชนต้องจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง

 

ขณะที่ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เตรียมเดินหน้าขึ้นบัญชีดำ โรงงานที่เป็นภัยต่อสังคม สิ่งแวดล้อม

 

การรีไซเคิลทำได้หลายวิธี ตั้งแต่ ส่งเสริมให้ท้องถิ่น  มีศักยภาพในการจัดการขยะมูลฝอย  คัดแยกขยะกลับมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด  การจัดตั้งกลุ่มซาเล้งชุมชน  ในรูปแบบของการเป็นลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างศูนย์รีไซเคิลในชุมชน  จัดกิจกรรมผ้าป่า ตลาดนัดและธนาคารขยะรีไซเคิล ไปจนถึง การผลิตปุ๋ยชีวภาพ  ผลิตเชื้อเพลิงขยะอัดแท่ง  และผลิตก๊าซชีวภาพจากขยะอินทรีย์

 

เหล่านี้ เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการรีไซเคิลอย่างยั่งยืน