ปีนี้เป็นปีการศึกษาแรก ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดสอนในหลักสูตรวิศวกรรมดนตรีและสื่อประสม เพื่อรองรับธุรกิจบันเทิงที่เติบโตขึ้นทุกปี โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันทางดนตรีที่มีชื่อเสียง ทั้งในและต่างประเทศ

 

เทคโนโลยีทางดนตรี มีความก้าวหน้าแทบทุกวินาที เพื่อสอบสนองความบันเทิงของผู้บริโภค ที่ต้องการใช้เสียงเพลงผ่อนคลายความเครียดจากทำงานแต่ละวัน จึงทำให้บุคลากรที่ทำงานในสายนี้ ต้องรู้จักปรับตัวรับสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรู้ทางเทคนิค ที่มีส่วนช่วยให้จิตนาการกลายเป็นความจริง

 

"Music Engineering and Multimedia" หรือวิศวกรรมดนตรีและสื่อผสม คือหลักสูตรใหม่ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดรับนักศึกษาเป็นปีการศึกษาแรกในปีนี้ จำนวน 30 คน เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ทั้งด้านคนตรีและวิศวกรรม ซึ่งถือเป็นบุคลากรที่กำลังขาดแคลน ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ 

 

ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือทีซีดีซี ระบุว่า อุตสาหกรรมดนตรีในประเทศไทยมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 3 หมื่น 5 พันล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ต่อปี แสดงให้เห็นว่า บัณฑิตในหลักสูตรนี้มีโอกาสการได้งานสูง  นี่ยังไม่นับรวมเทคโนโลยีการสื่อสารยุคดิจิตอล ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อสังคมไทยมากขึ้น   

 

แม้ค่าธรรมเนียบการศึกษา จะสูงถึงภาคเรียนละ 8 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าหลักสูตรวิศวกรรมด้านอื่นๆ แต่หากเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากหลักสูตรนี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะวิชาหลักอย่างดนตรี ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งไทยและต่างชาติมาสอนถึงที่ อีกทั้งอุปกรณ์การเรียนยังมีมาตรฐานในระดับสากล

 

รวมทั้งยังมีความร่วมมือกับสถาบันเอสเออี  สยามดนตรียามาฮ่า  ยามาฮ่าประเทศญี่ปุ่น และเคพีเอ็น ซึ่งในชั้นปีที่ 4 นักศึกษายังมีโอกาสไปดูงานและฝึกงานในต่างประเทศอีกด้วย  ประธานหลักสูตรฯ ยืนยันว่า หลักสูตรนี้เรียนได้ทั้งนักเรียนสายวิทย์ และสายศิลป์ 

 

 

หลังจบการศึกษาบัณฑิตหลักสูตรนี้ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ทั้งในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดนตรี  คอนเสิร์ต  การแสดงแสงสีเสียง  วิศวกรรมเครือข่าย  โมบายแอพพลิเคชั่น  อุตสาหกรรมยานยนต์ด้านระบบเครื่องเสียง สถานีวิทยุและโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล และระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม