ตลอดระยะเวลา 33 ปีที่โลดแล่นในวงการบันเทิง "พันนา ฤทธิไกร" ฝากผลงานเอาไว้มากมาย ทั้งในเบื้องหน้าและเบื้องหลัง วันนี้เราไปย้อนรำลึกถึงสุดยอดผู้กำกับคิวบู๊ของไทย จากรายงาน

 

ต้องถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของแวดวงบันเทิง กับการจากไปของ "พันนา ฤทธิไกร" ดาราอาวุโส ที่เป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้ออกแบบคิวบู๊ให้ภาพยนตร์ดังๆ มามากมาย แต่ตลอดระยะเวลา 33 ปี สุดยอดนักบู๊ผู้นี้ ฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้นับไม่ถ้วน

 

"พันนา ฤทธิไกร" หรือ "กฤติยา ลาดพันนา" เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2504 ที่ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น หลังจบจากวิทยาลัยพลศึกษามหาสารคามเมื่อปี 2524 เขาก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ เพื่อไปสมัครเล่นหนังกับ "คมน์ อรรฆเดช" ผู้กำกับชื่อดังในขณะนั้น โดยเพียงแค่ภาพยนตร์เรื่องแรกก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงการ กับการเข้าฉากกับ "หม่อมหลวงสุรีย์วัลย์ สุริยง" ในฉากสู้บนหลังคารถไฟ ซึ่งพันนาเป็นสตั้นท์แมนที่ได้รับความไว้วางใจให้ขึ้นไปเล่นฉากนี้เพียงคนเดียว เนื่องจากต้องใช้ทักษะสูง

 

ปี 2525 "พันนา" กลับไปรับสมัครทีมงานสตั๊นท์แมนของตัวเองที่บ้านเกิด โดยใช้ชื่อว่า "กลุ่มสตั้นท์แมน พี พี เอ็น" มีสมาชิกราว 20 คนโดยเขาเป็นผู้ฝึกสอนด้วยตัวเอง ปลายปี 2527 เขาได้เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "เกิดมาลุย" และออกฉายในเดือนสิงหาคมซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอสมควร และรับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกว่า เป็นหนังบู๊แนวใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน 

 

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อของพันนาก็ได้รับการยอมรับในฐานะของผู้กำกับ นักแสดง สตั้นท์แมน เขาผ่านงานภาพยนตร์และละครทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังมานับไม่ถ้วน และร่วมงานกับนักแสดงชื่อดังมาแล้วมากมาย อีกทั้งยังเป็นอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้ของนักแสดงแอ๊คชั่นหลายคน ซึ่งก็รวมถึงการปลุกปั้นให้ "จา พนม" กลายเป็นหนึ่งในสุดยอดนักบู๊ของเอเชีย ด้วยการกำกับฉากแอ็กชั่นของ "จา พนม" ในเรื่อง ต้มยำกุ้ง , องค์บาก  รวมไปถึงการสร้างนักแสดงแอคชั่นอีกมากมายเข้าวงการ ไม่ว่าจะเป็น "เดี่ยว ชูพงษ์" และ "จีจ้า ญาณิน"

 

การจากไปของ "พันนา ฤทธิไกร" จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การสูญเสียสุดยอดผู้กำกับคิวบู๊และดาราอาวุโสเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการจากไปของบรมครูด้านศิลปะการต่อสู้อีกด้วย