กระแสโซเชียลมีเดียในประเทศไทยเพิ่งได้รับความนิยมไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง แต่ในต่างประเทศ นักการเมืองจำนวนมากประสบความสำเร็จจากการใช้โซเชียล มีเดียเป็นเครื่องมือในการหาเสียง เช่นเดียวกับนักการเมืองรุ่นใหม่ในสิงคโปร์ที่ใช้ช่องทางนี้ เป็นกลไกในการเข้าถึงประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ในช่วงไม่กี่ปีมา นี้ โซเชียล มีเดีย ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์และบล็อกคือเครื่องมือสำคัญที่นักการเมืองทั้งในประเทศไทยและต่าง ประเทศใช้ในการหาเสียง รวมถึงรณรงค์และผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ

ตัวอย่าง ของคนดังที่ใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ รวมถึงแอพพลิเคชั่นในไอโฟนจนประสบความสำเร็จก็คือนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

จากสถิติ ที่บันทึกไว้ในช่วงนั้น มีชาวอเมริกันที่สนับสนุนนายโอบามาในเฟซบุ๊กมากถึง 2,000,000 คน ขณะที่นายจอห์น แมคเคนมีเพียง 600,000 คน ส่วนทวิตเตอร์นั้น โอบามาสามารถวางใจได้เลยว่า ชาวอเมริกันกว่า 112,000 คนเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามกับนายแมคเคนที่มีฟอลโลเวอร์เพียง 4,600 คนเท่านั้น เพียงเท่านี้ก็พอจะเห็นได้ว่า กระแสของนายโอบามาในโลกของโซเชียล มีเดีย มาแรงเพียงใด

และล่าสุดที่ประเทศแคนาดาและสิงคโปร์ที่เพิ่งผ่านการ เลือกตั้งทั่วไปไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บทบาทของโซเชียล มีเดียก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อผลการเลือกตั้งในสองประเทศนี้ โดยที่แคนาดานั้น นักวิเคราะห์การเมือง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เท่ากับเป็นศึกเลือกตั้งโซเชียล มีเดียอย่างเป็นทางการครั้งแรกของแคนาดา โดยจะเห็นได้จากการต่อสู้กันอย่างดุเดือดผ่านโซเชียล มีเดีย ซึ่งนายสตีเฟ่น ฮาร์เปอร์ ผู้ชนะการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันนั้น มีผู้ติดตามบนทวิตเตอร์มากถึง 108,000 คน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามนั้น ใช้วิธีการหาเสียงผ่านบล็อก แต่ดูเหมือนว่าจะไม่รวดเร็วและเข้าถึงประชาชนช้ากว่าทวิตเตอร์

ส่วน กระแสของประชาชนต่อการเลือกตั้งนั้นก็มาแรงไม่แพ้กัน  จากการสำรวจก่อนการเลือกตั้งมีผู้ทวิตข้อความเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพียง 2,000 ข้อความ แต่เมื่อใกล้ถึงวันเลือกตั้งกลับมีผู้ทวิตข้อความมากกว่า 14,000 ข้อความต่อวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองผ่านช่องทางโซเชียล มีเดียเป็นอย่างมาก

ทางด้านสิงคโปร์แม้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคพีเอพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้งและได้บริหารประเทศต่อไป แต่ดูเหมือนว่าควันหลงของการหาเสียงผ่านโซเชียล มีเดียยังคงไม่จางหาย โดยผู้สมัคร สส. คนหนึ่งที่ใช้ช่องทางของโซเชียล มีเดียจนประสบความสำเร็จ และทำให้มีคนรู้จักเธอมากขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็วก็คือ นิโคล เซียะ เธอคนนี้มีแฟนๆในแฟนเพจของเฟซบุ๊กกว่า 100,000 คน

โดยกลุ่มเป้าหมายของการลงเล่นการเมืองของเธอนั้นคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเธอเชื่อว่า การใช้ช่องทางโซเชียล มีเดียนั้นทำให้เธอใกล้ชิดกับกลุ่มคนเหล่านี้มากขึ้น เพราะตามปกติแล้ว การวิพากษณ์วิจารณ์รัฐบาลหรือการถกเถียงปัญหาการเมืองภายในสิงคโปร์นั้นทำ ได้ในวงจำกัด ดังนั้น เธอจึงอาศัยช่องทางนี้ในการติดต่อกับประชาชนโดยตรง พร้อมยืนยันที่จะรับฟังปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยหวังให้ช่องทางนี้เป็นพื้นที่อิสระ ที่ทุกคนสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้

Produced by Voice TV