นายกรัฐมนตรีจีนยอมรับว่าสายสัมพันธ์จีน-แอฟริกากำลังมีปัญหา อันเนื่องมาจากการลงทุนที่ไร้ความรับผิดชอบของบริษัทจีน
นายกรัฐมนตรีจีนยอมรับว่าสายสัมพันธ์จีน-แอฟริกากำลังมีปัญหา อันเนื่องมาจากการลงทุนที่ไร้ความรับผิดชอบของบริษัทจีน พร้อมทั้งยืนยันว่ารัฐบาลจีนกำลังหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
นายหลี่เค่อเฉียง ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือน 4 ประเทศในแอฟริกา ได้แก่เอธิโอเปีย ไนจีเรีย เคนยา และแองโกลา ยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับภูมิภาคแอฟริกา กำลังอยู่ในระยะที่มีปัญหา หลังจากหลายปีที่ผ่านมา บริษัทเอกชนจีนที่เข้าไปลงทุนในแอฟริกา มีปัญหากับคนแอฟริกันหลายเรื่อง จากการไม่เคารพกฎหมายและวัฒนธรรมท้องถิ่นของแอฟริกา
นอกจากนี้ คนแอฟริกันยังมีทัศนคติไม่ดีกับบริษัทและสินค้าจากจีน เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากจีน หรือที่ผลิตในแอฟริกาโดยบริษัทจีน ส่วนใหญ่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน และคนแอฟริกันจำนวนมากยังมองว่าคนจีนเข้ามาแย่งงานคนท้องถิ่นทำ ทั้งๆที่รัฐบาลหลายประเทศในแอฟริกาพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่าการลงทุนจากจีนจะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ
นายหลี่ยืนยันว่าแม้ความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลระหว่างจีนกับประเทศต่างๆในแอฟริกา จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้ แต่รัฐบาลจีนก็พยายามแก้ไขทัศนคติที่ไม่ดีดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยได้ขอร้องให้บริษัทเอกชนของจีนในแอฟริกา ทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น ทั้งต่อประชาชนในพื้นที่และต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงให้ความเคารพกฎหมายในประเทศที่เข้าไปลงทุนอย่างเคร่งครัดด้วย
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่เข้าไปลงทุนในแอฟริกามากที่สุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 210,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 6 ล้าน 7 แสนล้านบาท โดยมีบริษัทเอกชนจีนกว่า 2,500 บริษัทที่เข้าไปดำเนินกิจการในแอฟริกา ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมหนักประเภทเหมืองแร่ น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังให้เงินอุดหนุนและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวนมหาศาลแก่รัฐบาลหลายประเทศในแอฟริกา เพื่อสร้างระบบสาธารณูปโภค รวมถึงจ่ายค่าสัมปทานเหมืองแร่ต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตกและ NGO จำนวนมากโจมตีจีนว่ากำลังเข้าไปล่าอาณานิคม ฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรในแอฟริกา โดยไม่คำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนของคนในท้องถิ่น และยังจงใจละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงทำลายทรัพยากรธรรมชาติในแอฟริกาอีกด้วย