ผลสำรวจของสหรัฐฯเปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่เลิกนับถือศาสนากันมากขึ้น เพราะรับไม่ได้กับการใช้หลักศาสนามาเหยียดความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
ผลสำรวจของสหรัฐฯเปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่เลิกนับถือศาสนากันมากขึ้น เพราะรับไม่ได้กับการใช้หลักศาสนามาเหยียดความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น อย่างเช่นกลุ่มหลากหลายทางเพศ และคนที่มีความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างออกไป
สถาบันวิจัยเกี่ยวกับศาสนาของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ล่าสุด คนช่วงอายุประมาณ 18 - 33 ปี เริ่มตัดสินใจที่จะไม่นับถือศาสนากันมากขึ้น โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯนับถือ เนื่องจากพวกเขาเห็นว่า ศาสนามีความเป็นการเมือง และล้าหลังจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดมาก และที่สำคัญที่สุดก็คือ ศาสนาไม่ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมทางสังคม
ในการวิจัยเผยว่า หลายคนมักรู้สึกว่า พวกเขาจะต้องเลือกระหว่างการใช้ตรรกะความคิดของตัวเองและความศรัทธา ระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา นอกจากนี้ การนับถือศาสนาเริ่มถูกมองว่า เป็นการใช้ชีวิตที่ยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยที่พวกเขาไม่สามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับหลักการและเหตุผลได้ เพราะจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนนอกรีต หรือคนบาป
หากมองในมุมของคนรุ่นใหม่ ศาสนาก็เป็นเหมือนกับวัฒนธรรมต่างๆ หากว่าหลักการทางศาสนาบางข้อไม่สามารถนำมาใช้ได้กับสังคมในยุคปัจจุบัน ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนแก้ไข แต่ความผิดพลาดของสาวกศาสนาต่างๆก็คือ การนำหลักศาสนามาเป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของผู้อื่น รวมทั้งการเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ของคนอื่น อย่างเช่น กลุ่มหลากหลายทางเพศ เป็นต้น
คนรุ่นใหม่ชาวอเมริกันกว่าร้อยละ 70 ที่หันเหออกจากศาสนาให้เหตุผลว่า พวกเขายอมรับไม่ได้ ที่หลักศาสนาบางข้อถูกนำมาใช้ต่อต้านกลุ่มหลากหลายทางเพศ จนทำให้ความรุนแรงต่อกลุ่มคนดังกล่าวยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังในหลายประเทศ รวมถึงในสหรัฐฯเอง
นอกจากนี้ การเหยียดศาสนาอื่นๆ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ภาพลักษณ์ของศาสนายิ่งแย่ลงไปมาก และทำให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่า ศาสนาเป็นตัวสร้างความเกลียดชังต่อกัน มากกว่าที่จะส่งเสริมให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นี่ไม่ได้นับเพียงการเหยียดคนที่นับถือศาสนาอื่นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเหยียดคนที่ไม่มีศาสนา ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมรอบข้าง และอาจมีผลกระทบต่อการทำงานด้วย
ตัวอย่างเช่น กรณีที่เจ้าของร้านขายของในมลรัฐไอโอวาของสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์การนับถือศาสนาของพนักงานคนหนึ่ง และหากใครนับถือศาสนาคริสต์ ก็จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ คนรุ่นใหม่มองว่า การนับถือศาสนาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง ฉะนั้น นายจ้างจึงไม่สามารถเลือกปฏิบัติกับคนที่นับถือศาสนาที่แตกต่างออกไป หรือคนที่ไม่นับถือศาสนาใดๆอย่างพวกเขาได้
จากการสำรวจของ International Social Survey Programme เมื่อปี 2551 พบว่า คนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลยมีอยู่ประมาณ 35 ล้านคนทั่วโลก หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของประชากรโลกทั้งหมด โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ เพศชาย มีการศึกษาดี และส่วนใหญ่จะอยู่แถบยุโรปเหนือ ญี่ปุ่น หรือกลุ่มประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ หรือเคยปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์
Source : http://www.flickr.com by mwboeckmann