แถลงการณ์จากคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ย้ำชัดว่า 'เฟด' มุ่งมั่นจะใช้เครื่องมือที่มีทั้งหมดในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ให้ทรุดลงกว่านี้ ท่ามกลางสภาวะวิกฤตที่เผชิญอยู่ โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับประเด็นการว่างงานและเสถียรภาพด้านราคา
เจอโรม เพาเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังตรึงตัวอยู่ที่ระดับ 0.25% ต่อไป พร้อมเสริมว่าจะบังคับใช้ระดับดอกเบี้ยเข้าใกล้ศูนย์นี้อย่างน้อยไปจนถึงปี 2566 แม้นั่นจะหมายถึงการต้องทนแบกรับกับช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้ออาจปรับสูงขึ้น
ไม่นานก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของสหรัฐฯ เพิ่งออกมาปรับแผนการดำเนินนโยบายระยะยาวใหม่ โดยอนุญาตให้ระดับอัตราเงินเฟ้อเกินเป้าหมายที่ 2% ได้ ในช่วงที่เศรษฐกิจประเทศต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่ง เจอโรม ย้ำว่า มาตรการเด็ดขาดที่ออกมา เป็นการตอกย้ำ "ความมั่นใจและความมุ่งมั่น"
ในแถลงการณ์ของ FOMC คณะกรรมการย้ำบทบาทช่วยเหลือเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไว้ชัดเจนอีกครั้งว่า พร้อมจะคงความช่วยเหลือทางนโยบายการเงินเอาไว้จนกว่าเป้าหมายเรื่องการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อจะเป็นไปตามที่วางไว้ ซึ่งล่าสุด เฟด มองว่า สัดส่วนผู้ว่างงานในสหรัฐฯ จะอยู่ที่ราว 7.6% ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
"คณะกรรมการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป้าหมายไว้ที่ 0% - 0.25% และคาดหวังว่าจะเป็นระดับที่เหมาะสม จนกว่าตลาดแรงงานจะกลับมาอยู่ในสภาวะคงที่"
นอกจากนี้ คณะกรรมการ FOMC ยังพร้อมยืดมาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ และพันธบัตรที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อทำให้มั่นใจว่าตลาดจะดำเนินไปได้โดยไม่สะดุด
ทั้งนี้ ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในมุมมองของธนาคารกลางประเทศยังให้น้ำหนักหลักไปยังปัจจัยเรื่องวิกฤตโรคระบาด ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจจริง การว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อในระยะสั้น ทั้งยังอาจสร้างแผลเป็นที่ยากต่อการแก้ไขในระยะกลางด้วย