ไม่พบผลการค้นหา
ผอ.เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แจงกรณีเสือโคร่งตาย 3 ตัวต่อเนื่องเกิดจาก "โรคหัดแมว" แต่ตอนนี้ควบคุมโรคได้แล้ว

นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ชี้แจงการเสียชีวิตของเสือโคร่ง โดยเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจากสาเหตุของโรคหัดแมว ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่มีความชื้นสูง โดยในช่วงดังกล่าวเกิดฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงหน้าฝนเป็นปกติที่มักเกิดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย โดยทุกปีเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้มีการป้องกันเป็นปกติ โดยการฉีดวัคซีนให้กับเสือ สำหรับโรคที่เกิดขึ้นกับเสือทั้งสามตัวอาจเป็นเพราะมีภูมิต้านทานไม่เพียงพอ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เพิ่มมาตรการในการป้องกันความชื้น โดยใช้ทรายโรยที่พื้นให้แห้ง และใช้ปูนขาวโรยรอบพื้นที่ฆ่าเชื้อโรค เพิ่มวัคซีนให้กับเสือทุกชนิด และสามารถควบคุมโรคได้ในเวลา 1 สัปดาห์ ไม่เกิดการแพร่ระบาดแก่เสือตัวอื่นๆ

vlcsnap-2019-09-19-10h40m56s109.jpg

สำหรับพาหะที่ทำให้เกิดโรคนั้นเป็นเชื้อไข้หวัดแมว เป็นเชื้อที่มาทางอากาศ ซึ่งความชื้นทำให้เชื้อเจริญเติบโตได้รวดเร็ว หรืออาจมาจากน้ำที่ไหลเข้ามา ซึ่งอาจมาจากต้นน้ำและไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามาจากแหล่งใด นี่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นต้องทำพื้นที่ให้แห้งที่สุด ตอนนี้ทุกอย่างหยุดหมด ไม่มีโรคระบาด ไม่มีเสือป่วยแล้ว และโรคนี้เป็นโรคที่ไม่ติดต่อสู่คน และไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว

สำหรับเสือที่เสียชีวิต จำนวน 3 ตัว ประกอบด้วย เสือโคร่งเบงกอล ชื่อ ซีด วัย 15 ปี เสือโคร่งอินโดจีน ชื่อปุ่น วัย 9 ปี และเสือโคร่งขาว วัย 6 ปี ทั้งหมดเป็นเพศเมีย

อย่างไรก็ตามการที่มีคนตั้งข้อสังเหตุเรื่องของแมวจรจัดที่ถูกชาวบ้านนำมาทิ้งไว้ทั้งพื้นที่โดยรอบ และที่หลุดลอดเข้ามาในส่วนของพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีนั้นก็มีจริง แต่ก็มีการจับฉีดวัคซีนแล้วนำไปปล่อยแล้วอาจจะไม่ใช่สาเหตุหลักที่เป็นพาหะแพร่เชื้อ เนื่องจากเชื้อนี้มาสามารถมาทางอากาศ น้ำ และอาหารได้ด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :