ไม่พบผลการค้นหา
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงยืนยันพบผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รายใหม่ 6 ราย (หญิง 2 ราย ชาย 4 ราย) มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยชาวจีนจากเมือง ส่วนที่เชียงใหม่ยืนยันยังไม่พบ

สำนักข่าวไทย รายงาน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวความคืบหน้าการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่ายังคงพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทย 8 คน ซึ่งทั้งหมดมาจากจีน ล่าสุดพบผู้ต้องสงสัยอีก 6 คน เป็นคนจีนเดินทางมาจากหูเป่ยทั้งหมด ผลจากแล็บทั้ง 2 แห่งยืนยันแล้วเป็นผลบวก ทำให้ไทยพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสเพิ่มอีก 6 คน โดย 5 ใน 6 คนนั้นเป็นคนในครอบครัวเดียวกันอายุตั้งแต่ 6 ขวบถึง 70 ปี และในครอบครัวนี้ยังมีอีก 2 คนที่ต้องติดตามเฝ้าระวังอยู่เพราะเดินทางมาด้วยกันทั้งหมด ในครอบครัวนี้ 7 คนด้วยกัน

ทั้งนี้ สรุปไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ยืนยัน ณ เวลา 08.00 น. จำนวน 8 คน พบเดินทางมาจากจีนทั้งหมด รักษาหายแล้ว 5 คน อาการดีขึ้นมาก 3 คน และในช่วงบ่ายหากมีการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ จะทำให้เพิ่มจำนวนเป็น 14 คน จากเดิม 8 คน บวกเพิ่มอีก 6 คน

สำหรับผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ ที่ตรวจพบที่สนามบินมี 136 คน ผู้ต้องสงสัยที่วอล์กอินเข้าตรวจที่โรงพยาบาล 107 คน รวมยอดผู้เดินทางมาจากจีนที่สนามบินทุกแห่ง ที่กระทรวงสาธารณสุข ตั้งด่านควบคุมโรคมีทั้งหมดจนถึงขณะนี้ 21,522 คน

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวถึงกรณีประเทศเพื่อนบ้านพบผู้ติดเชื้อ จำเป็นจะต้องเพิ่มมาตรการคัดกรองหรือไม่ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อของเพื่อนบ้านยังน้อยกว่าไทย และยังไม่มีการประกาศการแพร่ระบาดในประเทศนั้นๆ แนวทางที่ดำเนินการได้คงต้องเฝ้าระวัง และดูแลสุขภาพของประชาชน เพื่อป้องกันโรค

ในวันนี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังได้มอบอุปกรณ์ระวังป้องกันไวรัสโคโรนาให้กับตัวแทนนักศึกษาไทย 13 คนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการศึกษาต่อที่เมืองฉือเจียจวง (Shijiazhuang) มณฑลเหอเป่ย (Hebei) ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอยู่ทุกคนแล้ว

โดยขอให้ประชาชนทุกคนเฝ้าระวังสุขอนามัยส่วนตัว กินร้อนช้อนกลางล้างมือและหากมีไข้ไอจาม ให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ขณะนี้นอกจากกระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มบุคลากรอีก 5,000 คน เข้าสลับสับเปลี่ยนทำหน้าที่ตรวจคัดกรองโรคที่ด่านควบคุมโรคตามสนามบินทั่วประเทศแล้ว ยังได้ระดมจิตอาสาทั้งตำรวจทหารและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย ให้ช่วยกันดูแลคนในชุมชนของตนเอง อีกทางหนึ่งด้วย      

ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขจะลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เพื่อให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปในการเฝ้าระวังป้องกันโรคที่ถูกต้อง 

ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการที่ กทม.ร่วมมือกับทุกภาคส่วนเตรียมตั้งด่านคัดกรองโรคเพิ่มเติมที่ท่าเรือคลองเตย ว่า ความสำคัญของท่าเรือคลองเตย คือ 1.มีจำนวนผู้เดินทาง เข้าไทยจากจีนมากหรือไม่ 2.ระยะทางจากจุดเริ่มต้นการเดินทางถึงท่าเรือคลองเตยใช้เวลานานมากเพียงใด นั่นหมายถึงจะมีโอกาส ที่เชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ถ้ามากกว่า 10 วันโอกาสที่จะเจอเชื้อไวรัสโคโรนา ก็น้อยมาก ซึ่งโอกาสที่จะพบเชื้อไวรัสโคโรนาที่ท่าเรือเทียบกับท่าอากาศยานมีความเสี่ยงต่ำกว่ากัน


เชียงใหม่ยังไม่พบผู้ป่วยโคโรนาไวรัส

นายแพทย์ กิตติพันธุ์ ฉลอม แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันด้านระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยในห้องประชุม ที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่มีการวางมาตรการเฝ้าระวัง คัดกรอง ผู้ป่วยที่ต้องดำเนินการสอบสวนโรคติดเชื้อโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่อย่างเข้มข้น โดยมีการวางเครือข่ายร่วมกับทางโรงพยาบาลของภาครัฐ เอกชน ตลอดจนคลินิกต่างๆ รวมทั้ง เครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ให้ช่วยกันคัดกรองผู้ป่วย รวมทั้งขอความร่วมมือสถานประกอการต่างๆ เช่น มัคคุเทศก์ โรงแรมที่พัก ช่วยสังเกตอาการของนักท่องเที่ยว โดยมีการพัฒนาแบบฟอร์มให้นักท่องเที่ยวตรวจประเมินตัวเองในเบื้องต้น หากเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเมืองจีน หรือเมืองต้องสงสัยที่มีโรคระบาด และมีอาการเข้าข่ายก็จะให้ทีมแพทย์เข้าไปดูแล ประเมินอาการ และนำเข้าสู่กระบวนการักษา ส่งตรวจเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จากห้องปฏิบัติการต่อไป ทั้งนี้ยืนว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่

นอกจากนี้ ยังได้ฝากเตือนประชาชนว่าอย่าตื่นตระหนกกับข่าวลือที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งการการติดต่อของเชื้อดังกล่าวนั้น จะสามารถติดต่อกันผ่านการไอ จาม หรือสารคัดหลั่งต่างๆ วิธีการการป้องกันคือใช้หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงอยู่ในที่ชุมชนแออัด และสัมผัสกับผู้ป่วย โดยเชื้อเหล่านี้หากแพร่ทางระบบหายใจแพร่จะได้ในระยะประมาณ 1 – 2 เมตร ไม่สามารถค้างอยู่ในอากาศได้ แต่จะตกอยู่ในพื้นดิน และคงอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง หากพบว่าไปสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีการไอ จาม มาโดน ร่างกายก็ให้ล้างทำความสะอาดโดยเร็ว ซึ่งเชื้อเหล่านี้ตามปกติจะเข้าสู่ร่างกายคือต้องสัมผัสตามเยื่อบุต่างๆ และจากกระแสข่าวที่มีการติดทางตานั้นคือหลังจากสัมผัสเชื้อแล้วมีการเอามือไปป้ายโดนตา


ท่าอากาศยานเชียงใหม่เร่งจัดพื้นที่คัดกรอง

ด้านนายอมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวถึงมาตรการรับมือกับสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนา ว่า นอกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่จะปฏิบัติตามประกาศของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ด้วยการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น (ซึ่งได้ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2563) แล้ว ปัจจุบันยังได้ยกระดับการคัดกรองเพิ่มขึ้น ในกลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเมืองกวางโจว ซึ่งทำการบินมายังจังหวัดเชียงใหม่สัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 3-5 เที่ยวบิน โดยมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น อาทิ การเปลี่ยนจุดคัดกรองใหม่ และจัดช่องทางเฉพาะสำหรับผู้โดยสารในเที่ยวบินที่ต้องดำเนินการคัดกรอง ซึ่งจากการตรวจคัดกรองผู้โดยสารจากเมืองกวางโจว ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2563 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ (28 มกราคม 2563 ) จำนวน 15 เที่ยวบิน ผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 1,324 คน ยังไม่พบผู้โดยสารต้องสงสัยหรือเข้าข่ายแต่อย่างใด

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการจัดพื้นที่คัดกรองแยกจากตัวอาคารผู้โดยสาร เพื่อรองรับหากกระทรวงสาธารณสุขประกาศยกระดับการคัดกรองโรค ให้ตรวจคัดกรองผู้โดยสารจากทุกเที่ยวบินที่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะเดียวกันยังได้จัดอุปกรณ์ป้องกันโรคที่เหมาะสม ได้แก่ เจลล้างมือ ถุงมืออนามัย และหน้ากากอนามัย ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน เพิ่มความถี่และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ร่างกายสัมผัส อาทิ รถเข็นกระเป๋า เก้าอี้พักคอย และห้องน้ำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ยืนยันว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่ และหน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติงานในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น ส่วนราชการ สายการบิน และผู้ประกอบการ ตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์ในครั้งนี้ โดยพร้อมจะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และจะทำอย่างเต็มกำลังเพื่อคุมเข้มและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา