สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงปลอดภัยของสำนักงานสอบสวนกลางหรือ เอฟบีไอ เปิดเผยว่า แฮ็กเกอร์ของรัฐบาลต่างชาติพยายามโจมตีบริษัทต่างๆ ที่กำลังวิจัยหายารักษาและวัคซีนป้องกันโควิด-19 โรคระบาดจากไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบหายใจ
ทันยา อูกอเรตซ์ รองผู้ช่วยผู้อำนวยการเอฟบีไอ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา พวกเขาพบแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างประเทศบุกเข้าไปในระบบของสถาบันวิจัยและสาธารณสุขต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทและสถาบันวิจัยที่เปิดเผยตัวว่ากำลังวิจัยเกี่ยวกับโควิด-19 แม้จะเป็นเรื่องปกติที่สถานบันวิจัยที่กำลังคิดค้นยารักษาหรือวัคซีนที่น่าจะได้ผลจะออกมาประกาศต่อสาธารณะ แต่ทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าโจมตีจากประเทศอื่นที่ต้องการดูรายละเอียดความคืบหน้า และอาจขโมยทรัพย์สินทางปัญญาไป
อูกอเรตซ์ กล่าวว่า แฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างชาติมักโจมตีอุตสาหกรรมยามาตลอดอยู่แล้ว แต่ในช่วงที่มีวิกฤตไสรัวโคโรนาระบาด การโจมตีไซเบอร์อุตสาหกรรมยายิ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ระบุว่า แฮ็กเกอร์เหล่านั้นมาจากประเทศอะไรหรือองค์กรไหนถูกโจมตีบ้าง
บิล อีแวนินา ผู้อำนวยการศูนย์การปราบปรามข่าวกรองและความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า องค์กรวิจัยทางการแพทย์และคนที่ทำงานให้องค์กรเหล่านี้ควรระมัดระวังภัยคุกคามจากคนที่พยายามขโทยทรัพย์สินทางปัญญาหรือข้อมูลละเอียดอ่อนอื่นๆ เกี่ยวกับมาตรการรับมือโควิด-19 ของสหรัฐฯ
โรงพยาบาลในเช็กถูกโจมตีทางไซเบอร์
สำนักข่าวรอยเตอร์สยังรายงานอีกว่า โรงพยาบาล 2 แห่งในสาธารณรัฐเช็กเปิดเผยว่า พบคนพยายามโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ แต่ไม่สำเร็จ จากนั้น โรงพยาบาลพยายามใช้มาตรการสูงสุดในการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานทางไอที รวมถึงแบ็คอัพระบบของโรงพยาบาลทั้งหมด
การโจมตีโรงพยาบาลเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่หน่วยงานเฝ้าระวังด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของเช็กออกมาเตือนว่าอาจมีการโจมตีทางไซเบอร์ใส่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ด้านทางการเช็กระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีรอบนี้
อันเดรย์ บาบิส นายกรัฐมนตรีเช็กกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งเป้าความสนใจไปที่การโจมตีทางไซเบอร์หน่วยงานด้านสาธรณสุขต่างๆ และมั่นใจว่าระบบจะสามารถต้านทานการโจมตีได้ แต่เขาก็แสดงความเห็นว่า “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงจะทำอะไรสกปรกในเวลานี้”
คนทั่วไปก็ถูกโจมตีทางไซเบอร์
นิตยสาร Info Security รายงานข้อมูจากคลาว์แฟลร์ว่า ภัยคุกคามออนไลน์ในอังกฤษ เช่นการแฮ็กและหลอกลวงออนไลน์ ในช่วง 4 สัปดาห์ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 37 และบางวันก็พบการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้นกว่าปกติ 4-6 เท่า
คลาวด์แฟลร์ระบุว่า เหตุผลที่มีการโจมตีไซฌบอร์เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการที่ “แฮ็กเกอร์เพื่อความสนุกสนาน” มีเวลามากขึ้นในช่วงที่กักตัวอยู่บ้าน ส่วนแฮ็กเกอร์มืออาชีพก็ใช้ช่วงวิกฤตโลกในการขับเคลื่อนวาระของตัวเองมากขึ้น
แบร์แรคูดาเน็ตเวิร์กเปิดเผยว่า พบความพยายามหลอกล่วงบนออนไลน์เพิ่มขึ้นจากปลายเดือน ก.พ.ถึง 600 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งการปลอมตัวเป็นคนอื่น การเจาะอีเมลบริษัท และขู่กรรโชกทรัพย์ และในฮ่องกง ก็มีแฮ็กเกอร์ที่น่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลปล่อยไวรัสล่อลวงให้ผู้ใช้คลิกลิงก์ข่าวเพื่อติดตั้งสปายแวร์ในระบบไอโอเอส
นอกจากนี้ ยังมีเว็บไซต์หลอกขายหน้ากากป้องกันโรคและยารักษาต่างๆ ที่เป็นของปลอมด้วย บางส่วนได้ส่งอีเมลไปหาผู้ใช้โดนเสนอว่าจะส่งคำแนะนำจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น รัฐบาล องค์การอนามัยโลก หรือ WHO พร้อมให้โหลดไฟล์ที่จะเป็นสปายแวร์ให้แฮ็กเกอร์ล้วงข้อมูล ควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อัปโหลดคำสั่งอื่นๆ จากทางไกลได้ อีกทั้งยังอาจใช้เครื่องที่แฮ็กไปขโมยข้อมูลหรือโจมตีระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ต่อไปอีก
ป้องกันตัวจากการโจมตีออนไลน์อย่างไร?
สำนักข่าวเดอะคอนเวอร์เซชันได้แนะนำวิธีป้องกันตัวเองจากการโจมตีออนไลน์ในช่วงโควิด-19 ระบาดว่า ควรสังเกตชื่ออีเมลปลอมหรือแปลกๆ อีเมลที่ส่งมาอาจมีการเขียนผิด สะกดไม่ถูก หลักไวยกรณ์หรือเครื่องหมายวรรคตอนผิดเพี้ยน อีกทั้งยังควรระวังอีเมลที่พยายามสร้างความรู้สึกของความเร่งด่วน จำเป็นต้องคลิกลิงก์นั้นๆ โดยทันที
จงจำไว้ว่า แฮ็กเกอร์มักใช้จุดอ่อนทุกข้อด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นโอกาสในการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ การค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ก็เป็นโอกาสให้เหล่าแฮ็กเกอร์ได้เช่นกัน จึงควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า เรารับข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเช่น เว็บไซต์ของ WHO หรือสำนักข่าวที่น่าเชื่อถือต่างๆ