ไม่พบผลการค้นหา
ชาวเมียนมาสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของพรรคเอ็นแอลดีขณะเดินขบวนประท้วงต้านรัฐประหารของกองทัพ ขณะ รบ.ต่างชาติแสดงความกังวลต่อการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต

ไม่นานหลังกองทัพเข้ายึดอำนาจรัฐบาลพลเมืองเมียนมา คณะรัฐประหารเร่งออกคำสั่งถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปิดการเข้าถึงสังคมโซเชียลมีเดียของพลเมืองในประเทศอาทิ เฟซบุ๊ก และอินสตราแกรมเป็นการชั่วคราว 

อย่างไรก็ดีเมื่อก้าวเข้าสู่วันที่ 6 ของการรัฐประหาร สื่อต่างชาติรายงานว่า ล่าสุด รัฐบาลสั่งปิดผู้ให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครย่างกุ้งที่มีการรวมตัวกันของประชาชนเพื่อชุมนุมประท้วงต้านกองทัพ

เมียนมา - ประท้วง - รอยเตอร์ส

นอกจากนี้ NetBlocks ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ศึกษาประเด็นการให้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตระบุว่าเมียนมากำลังตกอยู่ในสภาวะที่แทบจะถูกชัตดาวน์อันเทอร์เน็ตเกือบ 100% เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. NetBlocks ชี้ว่าการติดต่อผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตในเมียนมาแค่เพียง 16% จากระดับการสื่อสารทั่วไปเท่านั้น

ด้านสถานทูตอังกฤษประจำประเทศเมียนมาแสดงความกังวลว่าการปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตครั้งนี้จะกลายเป็นกลยุทธ์ส่วนหนึ่งที่ผู้มีอำนาจใช้เพื่อควบคุมผู้เห็นต่างในประเทศ พร้อมย้ำให้กองทัพเมียนมายกเลิกการขัดความเสรีภาพในการสื่อสารและแสดงออกของประชาชน

ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ แถลงเรียกร้องให้กองทัพคืนอำนาจกลับสู่มือของรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอย่างชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย และยกเลิกมาตรการขัดขวางการสื่อสารของผู้คน 

เมียนมา - ประท้วง - รอยเตอร์ส

ด้านคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติทวีตข้อความระบุว่ากองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคำนึงและเคารพถึงสิทธิในการรวมตัวกันอย่างสันติของผู้คน อีกทั้งยังต้องคืนเสรีภาพในการติดต่อสื่อสารและเข้าถึงข้อมูลโดยทันที

รอยเตอร์ รายงานว่าการประท้วงครั้งนี้ผู้คนเมียนมาเลือกใส่สีแดงเนื่องจากเป็นสีของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรคเอ็นแอลดี ของอองซาน ซูจี ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มเมื่อ 8 พ.ย. 2563 และแม้การประท้วงจะสิ้นสุดไปในช่วงบ่ายแต่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศรายงานว่ายังมีประชาชนจำนวนหนึ่งที่นั่งอยู่ตามท้องถนน 

เมียนมา

ในวันเดียวกัน (6 ก.พ. 2564) เวลา 18.30 น. ชาวเมียนมาในประเทศไทยรวมตัวกันประท้วงการยึดอำนาจของกองทัพ หน้าองค์การสหประชาชาติ ประเทศไทย (UN)

อ้างอิง; Nikkei Asian Review, MMTimes

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;