คอร์เนอร์ แมคคลอรีย์ กับ โซฟี เคอร์แรน สองนักโต้คลื่นชาวไอริส บังเอิญพบกระบอกโลหะปริศนาในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินสำรวจชายหาดบริเวณเขต ดอนิกอล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์
แมคคลอรีย์ เล่าว่าตอนแรกที่เห็นเขาคิดว่ามันเป็นชิ้นส่วนที่หลุดจากเรือบรรทุกสินค้า หรืออาจเป็นกระบอกบรรจุขี้เถ้าของผู้ล่วงลับ โดยบริเวณด้านนอกแกะสลักข้อความภาษารัสเซียไว้ เขานำไปให้เพื่อนชาวรัสเซียช่วยแปล จึงทราบว่า กระบอกนี้คือ แคปซูลการเวลาที่ถูกฝังโดยทีมนักสำรวจชาวรัสเซียเมื่อปี 2561
พวกเขาตัดสินใจเปิดพบว่า ภายในบรรจุทั้งภาพถ่าย จุกไม้ค็อกขวดไวน์ จดหมาย และบันทึกบทกวีทั้งภาษาอังกฤษและภาษารัสเซีย โดยจดหมายฉบับหนึ่งที่เป็นภาษาอังกฤษ ลงวันที่ 4 ส.ค. 2561 เขียนไว้ว่า "ทุกสิ่งรอบตัวเราปกคลุมเต็มไปด้วยแผ่นน้ำแข็ง เราคิดว่าเมื่อถึงเวลาที่มีผู้พบจดหมายฉบับนี้ คงไม่มีน้ำแข็งในอาร์กติดอีกต่อไปแล้ว"
แมคคลอรีย์ ได้ทำการค้นหาชื่อเจ้าของจดหมายฉบับนี้ จนพบกับบัญชีอินสตาแกรมของชาวรัสเซียคนหนึ่งชื่อ สเวตา ทั้งสองสนทนาผ่านวิดีโอแชท จนทราบว่า สเวตา เป็นหนึ่งในนักสำรวจที่เดินทางไปยังขั้วโลกเหนือพร้อมกับเรือ 50 Let Pobedy เรือตัดน้ำแข็งรัสเซีย ในภารกิจสำรวจเขตอาร์กติก โดยในระหว่างภารกิจ ทีมนักสำรวจได้ร่วมทำการฝังกระบอกโลหะไว้บริเวณใจกลางเขตขั้วโลกเหนือ เพื่อเป็นแคปซูลเวลาย้อนความทรงจำให้กับใครก็ตามที่พบแคปซูลนี้ในอนาคต
แมคคลอรีย์ เผยว่า จากการพูดคุยกับนักสำรวจชาวรัสเซีย พวกเขาตกใจมากที่ไทม์แคปซูลนี้ถูกพบเร็วกว่าที่คาดคิด พวกเขาคิดว่ามันอาจถูกพบในอีก 30 หรือ 50 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พบว่าอุณหภูมิแถบอาร์กติดเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบ 1 องศาเซลเซียส โดยจากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมพบว่า ช่วง 40 ปีที่ผ่านมาธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายไปแล้ว 40% เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ซึ่งพบว่าแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลาย 11,000 ล้านตันในวันเดียว การพบแคปซูลเวลาซึ่งเคยถูกฝังบริเวณขั้วโลกเหนือ ลอยไกล 3,700 กิโลเมตรมาเกยชายฝังไอร์แลนด์ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าน้ำแข็งขั้วโลกกำลังละลายเร็วกว่าที่คิด
ที่มา : theguardian , Independent