ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. (คนใหม่) ทำพิธีรับ - ส่งหน้าที่ โดยมีพิธีสักการะศาลพระชัยมงคลภูมิ, วางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 บริเวณหน้าหอประชุมกิตติขจร จากนั้นจึงลงนามเอกสารรับ - ส่งหน้าที่ ผบ.ทบ. ที่ห้องพระบารมีปกเกล้า อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ก่อนเดินทางมายังบริเวณพิธี บริเวณลานหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ฯ และขึ้นแท่นรับการเคารพ
โดย พล.ท.อยุทธ์ ศรีวิเศษ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก ได้อ่านประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ผบ.ทบ. กล่าวมอบหน้าที่ตลอดจนการบังคับบัญชา และได้ส่งมอบธงประจำกองทัพบก พร้อมทั้งเอกสารรับ - ส่งหน้าที่ แก่ ผบ.ทบ.คนใหม่และแท่นรับการเคารพจากกองผสมสวนสนามร่วมกัน
พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวระหว่างรับมอบตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตอนหนึ่งว่า ตลอดการดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ของ พล.อ.อภิรัชต์ แสดงให้เห็นความเป็นทหารอาชีพ ทำหน้าที่เพื่อส่วนรวม มีความจงรักภักดีอย่างมั่นคง ทั้งวางรากฐานให้กองทัพบกมีความแข็งแกร่ง สามารถรองรับภัยคุกคามที่มีความสลับซับซ้อนได้ ตลอดจนช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาโควิด-19 โดยตนและกำลังพลจะจดจำและยึดถือไว้เป็นแบบอย่าง พร้อมยืนยันว่า จะสานต่อภาระหน้าที่ นโยบายและอุดมการณ์การทำงานของพล.อ.อภิรัชต์ อย่างเต็มความสามารถ จะปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเป็นธรรม ปฏิบัติภารกิจบนพื้นฐานของความสามัคคี ให้กองทัพบกเป็นสถาบันความมั่นคง ค้ำจุนประเทศชาติและราชบัลลังก์ให้ยั่งยืนตลอดไป
จากนั้นเข้าทักทายกับสื่อมวลชนแต่ไม่ให้สัมภาษณ์เพียงกล่าวว่าวันที่ 6 ต.ค.นี้เจอกัน ซึ่งจะเป็นวันที่รวมกำลังพลหน่วยขึ้นตรง ครั้งแรกในฐานะ ผบ.ทบ.คนใหม่
ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวระหว่างส่งมอบตำแหน่งให้ ผบ.ทบ.คนใหม่ ระบุว่า มีความภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ ปกป้องค้ำชูสถาบัน สร้างสันติสุข ขณะดำรงตำแหน่ง และหวังให้กองทัพบกดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสถาบัน และพยายามปฏิรูปให้กองทัพทันสมัย ก้าวหน้าในทุกมิติ เป็นที่พึ่งประชาชน และเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของพล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่ามีประสบการณ์ มีจิตวิญญาณทหาร ที่ยึดมั่นศาสน์ กษัตริย์ และเป็นผู้บัญชาการกองทัพบกที่จะขับเคลื่อนด้วยความมั่นคงเป็นปึกแผ่นต่อไป
ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ หลังจากตรวจแถวทหารและส่งมอบตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว ได้เดินมาทักทายสื่อมวลชนและไม่ให้สัมภาษณ์เช่นเดียวกัน เพียงแต่ทักทาย อนุกูล วงษ์บัวทอง หรือ 'ป้าแจ๋ว' นักข่าวสายทหารอาวุโส วัย 85 ปี ที่ติดตามทำข่าวและแสดงอาการคล้ายน้ำตาจะไหล โดยระบุว่า จะร้องไห้ทำไมขอให้รักษาสุขภาพ ขอให้อายุยืนยาว ส่วน 'ป้าแจ๋ว' เม้มปาก กล่าวว่า ใจหายที่ ผบ.ทบ.พ้นตำแหน่งแล้ว พร้อมอวยพรขอให้โชคดี
สำหรับ พล.อ.อภิรัชต์ จากนี้ต้องไปดำรงตำแหน่งรองเลขาพระราชวัง โดยเป็น ผบ.ทบ.คนที่ 41 ตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 รวมเวลาเวลา 2 ปี มีนโยบายสานต่อนโยบายเดิมของอดีต ผบ.ทบ. พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท โดยเฉพาะ 'smart army' ด้วยการสานต่อเป็น 'Smart Soldiers Strong Army', การปรับลดสัดส่วนการบรรจุทหารกองประจำการให้มีขนาดและโครงสร้างการจัดที่เหมาะสม, การพัฒนาความรู้ภาษาอังกฤษแก่ข้าราชการกองทัพบก, การปรับปรุงการจัดสวัสดิการภายในกองทัพบก ทั้งภายในหน่วยและในเชิงธุรกิจอย่างชัดเจน ทั้งการร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เกี่ยวกับการบริหารกิจการออมทรัพย์ของกำลังพล หรือ ปรับปรุงระบบให้กู้เงินเพื่อการสงเคราะห์ รวมทั้งร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง “โครงการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจกองทัพบก และสัญญาเช่าและค่าธรรมเนียมกับกรมธนารักษ์ด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังมีการพัฒนาระบบงานข่าวและศักยภาพกองทัพบก รองรับภัยคุกคาม 'Hybrid Warfare', ดำเนินโครงการจิตอาสาพระราชทาน, โครงการทหารพันธุ์ดี และการบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงสนับสนุนรัฐบาลแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็นเตรียมทหาร รุ่นที่ 22 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 33 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญและปฏิบัติงานรักษาสันติภาพในติมอร์ตะวันออก, เคยเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ และแม่ทัพภาคที่ 1 ปัจจุบันเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ก่อนที่จะได้เป็น ผบ.ทบ.คนที่ 42 อย่างเป็นทางการวันที่ 1 ต.ค. 2563 นี้