นพ ชีวานันท์ ส.ส.อยุธยา รองเลขาธิการพรรค และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยปีนี้จะติดลบประมาณ 6-7% แม้จะติดลบน้อยลงจากที่คาดกันไว้ที่ ติดลบ 8-10% แต่ก็ยังติดลบอยู่ ทั้งนี้อาจจะเพราะเศรษฐกิจไทยได้ทรุดตัวโดยขยายตัวต่ำมากมาเป็นเวลานานแติดต่อกันหลายปีแล้ว จึงทำให้เศรษฐกิจทรุดลงต่อไม่ได้มากนัก และสภาวะเศรษฐกิจไทยยังอาการหนักมาก ไม่ได้ฟื้นตัวตามที่รัฐบาลได้พยายามวาดฝันแต่อย่างไร นอกจากนึ้การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในปีหน้าจะขยายตัว 3.5-4% ก็ยังเลื่อนลอย และถึงทำได้จริงก็ยังฟื้นไม่เท่าที่ทรุดไปในปีนี้ การฟื้นตัวอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี เป็นอย่างต่ำ และ จะฟื้นกลับมาที่จุดเดิม เศรษฐกิจที่จุดเดิมก่อนติดลบก็ยังคงย่ำแย่อยู่ ดังนั้นหากประเทศไทยยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้ เศรษฐกิจไทยก็จะฟื้นยาก
นอกจากนี้การที่รัฐบาลพยายามอวดอ้างว่า S&P ยังคงเรตติ้งของประเทศไทยที่ BBB+ แสดงถึงเศรษฐกิจไทยยังดีและพยายามเคลมว่าเป็นความสำเร็จของรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจริง การที่ไทยยังคงได้เรตติ้งเดิม น่าจะเป็นเพราะประเทศไทยยังมีฐานะการเงินที่แข็งแรง โดยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสิ้นเดือนตุลาคมถึง 2.485 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประเทศไทยสะสมทุนสำรองนี้มาตลอดเกือบ 20 ปีแล้ว จึงทำให้เครดิตยังดีอยู่ แต่ไม่ได้หมายความเศรษฐกิจไทยยังดี เพราะเศรษฐกิจภาพรวมยังแย่มาก บริษัทปิดตัวเป็นจำนวนมาก คนว่างงานสูง หนึ่เสียธนาคารเริ่มพุ่ง ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ยังยืนยัน โดยได้เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคมยังหดตัว หลังหมดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ในขณะที่การท่องเที่ยวยังหดตัวสูง เศรษฐกิจไทยไม่ได้ฟื้นตัวจริงตามที่รัฐบาลกล่าวอ้าง
อีกทั้ง ล่าสุดหนี้สาธารณะของไทยเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.848 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 49.34% และจะทะยานพุ่งสูงกว่า 60% ในปีหน้า อีกทั้งมีโอกาสสูงที่จะเกิดหนี้เสียในระบบธนาคารเพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเครดิคเรตติ้งของไทยก็อาจจะลดลงได้ เพราะการจัดเครดิตเรตติ้งจะคำนึงเฉพาะสถานภาพในขณะนั้นๆ ไม่ได้บอกถึงอนาคต ซึ่งประเทศ และ บริษัท จำนวนมากเมื่อมีปัญหาทางเศรษฐกิจต่อมา การจัดเครดิตก็จะลดลงได้ตามสถานะขณะนั้น จะมาอวดอ้างเป็นผลงานไม่น่าจะใช่ อาจจะเป็นเพราะไม่มีผลงานอื่นให้อวดอ้างแล้ว
การที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยจากภาวะที่ย่ำแย่ในปัจจุบัน ประเทศไทยจะต้องมีรัฐบาลและมีผู้นำที่เป็นที่เชื่อถือของประชาคมโลก หากผู้นำขาดความรู้ความสามารถ และขาดความเข้าใจภาวะเศรษฐกิจอย่างแท้จริง อีกทั้งภาพลักษณ์ยังเป็นรัฐบาลที่สืบทอดจากระบอบเผด็จการ การฟื้นเศรษฐกิจจะทำได้ยาก หรือ อาจะทำไม่ได้เลย ดังนั้นหากพลเอกประยุทธ์จะมีเหตุต้องหลุดจากตำแหน่งไม่ว่าจะโดยการลาออกอย่างสมัครใจ หรือ ถูกให้ออก เศรษฐกิจไทยก็มีโอกาสจะฟื้นกลับมาได้ ถ้าหากมีผู้นำใหม่ที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ดังนั้นประชาชนจำนวนมากจึงรอคอยผลการตัดสินในวันที่ 2 ธันวาคม นี้
อ่านอื่นๆ :