ไม่พบผลการค้นหา
แม่พระแห่งโรงแรมแม่น้ำ รามาดา พลาซา ผู้อุปถัมภ์และให้โอกาสเด็กมากกว่า 500 คน ตลอดระยะเวลา 38 ปี

“ทุกๆ คนเป็นลูกแม่” คือประโยคที่ มาลี ตั้งสิน กล่าวต่อหน้าเด็กๆ 36 คน ในมูลนิธิตั้งสินอุปถัมภ์ บริเวณด้านข้างโรงแรมแม่น้ำ รามาดา พลาซา ย่านเจริญกรุง  

มาลีพูดอย่างนี้มา 38 ปี กับนักเรียนมากกว่า 500 คน นับตั้งแต่เริ่มรับอุปการะเด็กครั้งแรกเมื่อปี 2525  

“เราเข้ามาอยู่ในสังคมแล้ว ต้องคิดว่าจะช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร มือขวาเรารับเงิน มือซ้ายต้องดึงออกบ้าง อย่าเหนียว อย่างก” ประธานกรรมการบริหารโรงแรมแม่น้ำฯ วัย 93 ปี บอกถึงการให้ในฐานะแม่ที่ไม่มีน้ำนมของเด็กๆ  


ทำตามสัญญา–ให้ก่อนรุ่ง  

การให้โอกาสเด็กๆ เริ่มต้นขึ้นตามคำแนะนำของหลวงพ่อฉบับ เจ้าอาวาสแห่งวัดสระแก้ว จ.อ่างทอง ที่มาลีและอาจิน สามีนับถือเป็นอย่างมาก  

เธอเล่าว่า ตอนนั้นท่านประธานอาจินมีปัญหาติดขัดทางด้านธุรกิจ หลังจากเปิดโรงแรมไปแล้ว 2 แห่ง เงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ เริ่มมีหนี้สินและไม่สามารถก่อสร้างโรงแรมแม่น้ำได้ เมื่อเดินทางไปทำบุญและปรึกษากับหลวงพ่อฉบับ ท่านให้คำแนะนำว่าอย่าเพิ่งย่อท้อ “อดทนอีกหน่อย ทุกอย่างจะดีขึ้น” พร้อมกับขอให้ช่วยอุปการะเด็กเรียนดีจากวัดสระแก้วให้มีโอกาสได้เรียนต่อ  

“อย่าลืมนะ เอาลูกฉันไปเลี้ยงต่อ” หลวงพ่อฉบับกล่าว 

อาจิน ซึ่งเป็นคนธรรมะธัมโม ชอบทำบุญสม่ำเสมอ รับปากจะนำเด็กๆ ที่จบมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาเรียนต่อในกรุงเทพฯ จนกระทั่งจบ ม.6 ตามคำขอ 

ไม่นานหลังจาก ‘เริ่มให้’ ความเจริญรุ่งเรืองก็วิ่งเข้าหา ที่เคยติดขัดก็คลี่คลาย มีสถาบันการเงินให้กู้ยืม ทิศทางบริษัทเริ่มสดใส จนสามารถเปิดโรงแรมแม่น้ำได้สำเร็จ 

“เราคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลบุญจากที่เราอุปการะเด็กๆ” มาลี บอกและเริ่มก่อตั้งมูลนิธิตั้งสินอุปถัมภ์ในปี 2525 

มาลี ตั้งสิน
  • มาลี ขณะกำลังไหว้ อาจิน สามีผู้ล่วงลับ

ดูแลกันแบบพี่น้อง 

ในช่วงแรกมูลนิธิตั้งสินอุปถัมภ์จะรับนักเรียนชายจากวัดสระแก้ว มาอาศัยอยู่กรุงเทพฯ ที่หอพัก ข้างๆ โรงแรมแม่น้ำฯ และส่งเรียนในโรงเรียนยานนาเวศวิทยาคม หรือ รร.เจ้าพระยาวิทยาคม ตั้งแต่ชั้น ม.4 – ม.6 ต่อมาในยุคหลังเริ่มมีการอุปการะเด็กจากที่อื่นนอกเหนือจากวัดสระแก้ว โดยเปิดรับสมัครหรือส่งจดหมายเชิญชวนไปตาม รร.ในพื้นที่ห่างไกล และส่งเรียนในสถาบันการศึกษาที่หลากหลายมากขึ้น

ปัจจุบันมูลนิธิตั้งสินฯ อุปการะนักเรียนอยู่ทั้งหมด 40 คน แบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่น 36 หรือ ม.6 จำนวน 13 คน รุ่น 37 หรือ ม.5 จำนวน 10 คน และรุ่น 38 หรือ ม.4 จำนวน 13 คน นอกจากนี้ยังมีรุ่น 35 ที่เรียนมหาวิทยาลัยในพื้นที่ใกล้เคียง ขอพักอาศัยต่ออีก 4 คน 

“พวกเขาอยู่กันแบบพี่ปกครองน้อง เลือกตั้งหัวหน้ารองหัวหน้า ด้วยคะแนนเสียงประชามติของตัวเอง” นพ.พิชัย ตั้งสิน บุตรคนที่ 6 ของแม่มาลี ผู้ทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กอย่างใกล้ชิด บอกต่อว่า เด็กส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ทางภาคเหนือ มีอาจารย์ 2 ท่านทำหน้าที่ผู้ปกครองและอบรมสั่งสอน

“เด็กชายในวัยที่กำลังแอ็กทีฟ เราพยายามส่งเสริมกิจกรรมที่นอกเหนือจากการเรียน เช่น พาเขาไปเที่ยว ไปทัศนศึกษา ปิดเทอมก็ไปทะเลกันทุกปี เพื่อให้พวกเขาได้เล่น ได้มีประสบการณ์ มีความสุขและได้ใช้เวลาร่วมกัน”  

มาลี ตั้งสิน

นอกเหนือจากการศึกษา เด็กๆ ยังได้สัมผัสประสบการณ์ฝึกงานกับโรงแรมในตำแหน่งต่างๆ โดย ม.4 จะได้ฝึกงานในตำแหน่งแม่บ้าน ม.5 และ ม.6 ทำงานในแผนกห้องครัวและพนักงานเสิร์ฟ แลกเบี้ยเลี้ยงวันละ 200 บาท เมื่อเรียนจบแต่ละคนจะมีเงินเก็บแตะหลักหมื่น  

“ด้วยความเป็นลูกคนจีน การทำงานมันอยู่ในตารางชีวิตของพวกเรา เราเลยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทดลองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครับ” นพ.พิชัย ฉีกยิ้มยืนยันว่าไม่กระทบกับการเรียน  

นพ.พิชัย ตั้งสิน
  • นพ.พิชัย ตั้งสิน

สถานที่พักอาศัยของเด็กๆ มี 4 ชั้น ชั้นล่างเป็นศาลเจ้าจีเฮงเกาะ ชั้นสองเป็นห้องเรียน ชั้นสามเป็นห้องนอน และชั้นสี่ เป็นห้องอาบน้ำและเก็บเสื้อผ้า รวมถึงพื้นที่ออกกำลังกาย 

พีระเดช อามอ วัย 18 ปี ชาวเชียงราย ในฐานะหัวหน้านักเรียนมูลนิธิฯ บอกว่า ไม่มีวันลืมสิ่งที่ได้รับจากที่นี่ตลอด 3 ปี โอกาสทางการศึกษาและประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญมาก 

“พ่อแม่ผมลำบาก ถ้าอยู่บ้านไม่รู้เลยว่าจะได้เรียนต่อหรือเปล่า” พีระเดชบอกสิ่งที่ได้รับจะเป็นพื้นฐานในการต่อยอดและออกแบบเส้นทางชีวิตต่อไป 


ซื่อตรง-กตัญญู-อย่าเหนียว  

สิ่งที่ครอบครัวตั้งสินคาดหวังจากเด็กๆ ไม่ยากไม่ง่าย นั่นคือการเป็นคนดีและซื่อสัตย์ต่อสังคม  

“เราไม่ต้องการอะไร ขออย่างเดียว ให้เติบโตเป็นคนที่ดี สร้างชื่อให้คนเขารู้ว่านักเรียนที่เราเลี้ยงนั้นดี ไม่ทำร้าย ไม่คดโกง ขยันหมั่นเพียร แค่นี้แม่ภูมิใจแล้ว” เธอบอก “คนเราทำดีไม่แพ้ ทำชั่วต้องถอยหลัง”  

มาลี ยิ้มเสมอยามมีคนเดินมาทักว่า “สวัสดีครับ คุณแม่” ก่อนแนะนำตัวด้วยชื่อและรุ่นประจำมูลนิธิ “เราจำไม่ได้แล้ว โตขึ้น หล่อขึ้น ไปไหนมาไหน เจอเขาเข้ามาเรียกแม่ๆ แค่นี้ก็ชื่นใจ” 

มาลี ตั้งสิน

เธอย้ำว่าโลกจะดิสรัปชัน สังคมจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สิ่งที่มนุษย์ไม่ควรละเลยคือ ‘ความซื่อตรง’ และ ‘กตัญญู’ ซึ่งเป็นพื้นฐานของโอกาสสร้างตัว และเมื่อเติบโตมั่งคั่ง อย่าลืมนึกถึงการให้  

“คนเราจิตใจสำคัญ ต้องซื่อตรง ทำงานก็ซื่อตรงกับงาน คบเพื่อนก็ซื่อตรงกับเพื่อน ความคดไม่เอาทั้งนั้น นี่คือหลักการเริ่มต้น” มาลี ที่เป็นชาวจีนแต้จิ๋ว แนะนำ  

“เงินหาไม่ได้ง่ายๆ ก็จริง แต่พยายามเขี่ยออกมาบ้าง เขาเรียกว่าไม่เหนียว ไม่งก ขวาเข้า ซ้ายต้องดึงออกบ้าง ถ้าทำตามนี้ทุกคนจะรวย”  

ในวัย 93 ปี มาลียังไม่หยุดทำงาน “ทำได้ทำไป แต่ไม่เครียดกับมัน” เธอบอก ร่างกายวันนี้ยังแข็งแรง ไร้โรคภัย 

“ทานลง นอนหลับ อันนี้เป็นบุญของแม่แล้ว” ผู้อุปภัมภ์คนครึ่งพันชีวิตทิ้งท้าย  

เกร็ดประวัติ 

  • มาลี เป็นชาวจีนแต้จิ๋ว อพยพมาเมืองไทยและแต่งงานกับ อาจิน ที่มาจากซัวเถา โดยมีทายาททั้งหมด 7 คน
  • สร้างตัวจากการขายอุปกรณ์ประปา ย่านวรจักร และรับเหมาก่อสร้าง ก่อนจะมารุ่งเรืองกับธุรกิจโรงแรม
  • ปี 2495 ก่อตั้งโรงแรมแห่งแรก ‘มิตรพันธ์’ ที่วงเวียน 22 กรกฎา และแห่งที่สอง โรงแรมราชศุภมิตร หรือ รอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง ในปัจจุบัน
  • ใช้เงินดูแลเด็กๆ ปีละ เกือบ 3 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งค่าอาหาร ค่าเล่าเรียน เสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ
  • มีเด็กมากกว่า 50 คนที่เรียนจบในระดับปริญญาตรี โท และเอก
  • เคยคิดอุปการะเด็กผู้หญิง แต่เกรงจะมีปัญหาในการดูแลและการอยู่ร่วมกัน
  • มาลีไม่เคยคิดล้มเลิกโครงการอุปการะเด็กๆ 
dvadv.jpg



วรรณโชค ไชยสะอาด
ผู้สื่อข่าวสังคม Voice Online
118Article
0Video
0Blog