วันที่ 23 ก.ค. ที่รัฐสภา เกียกกาย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เป็นผู้สรุปญัตติด่วน ขอให้สภารับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชนและประชาชน โดยกล่าวว่าในขณะนี้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยในหลายจังหวัด มีเยาวชนคนหนุ่มสาวรวมถึงประชาชนจำนวนมาก กำลังชุมนุมเรียกร้องเพื่ออนาคตที่ดีกว่านี้ของประเทศไทยกันอยู่
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า รัฐบาลต้องรับฟังข้อเรียกร้องของเยาวชนอย่างจริงใจ ต้องไม่มองพวกเขาเป็นศัตรู เป็นภัยคุกคาม ไม่ดูถูกการออกมารวมตัวของพวกเขาว่าเป็นม็อบมุ้งมิ้ง และไม่ดูถูกโดยการบอกว่าพวกเขาโดนพรรคการเมืองไหนปั่นหัวให้ออกมากัน จริงๆ แล้วเยาวชนเหล่านี้เป็นผลพวงจากความล้มเหลวของพวกเรา ทำให้พวกเขาต้องมาใช้ชีวิตในประเทศไทยที่ไร้อนาคตขนาดนี้
นายพิธา กล่าวต่อว่า ข้อเสนอของพวกเขาเข้าใจง่าย และไม่ได้เกินเลยไปจากวิกฤตเศรษฐกิจการเมือง ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ภายใต้การบริหารของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิทธิเสรีภาพย่ำแย่สิ่งที่เห็นได้ชัดมากตอนนี้ คือการจงใจต่ออายุสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล ไม่ได้มีไว้เพื่อปราบโควิด แต่มีไว้เพื่อปราบปรามประชาชนผู้เห็นต่างจากรัฐบาล
ในสังคมประชาธิปไตย รัฐมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาลของตัวเอง พวกเขากำลังสงสัยว่า วันใดที่พวกเขาจะถูกอุ้มหาย วันใดเจ้าหน้าที่จะมาเคาะประตูบ้านคุกคามครอบครัวของเขา วันใดพวกเขาจะถูกดำเนินคดี วันใดพวกเขาจะถูกจับเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ยัดเยียดให้เป็นคนจิตผิดปกติ เพียงเพราะแสดงออกในสิ่งที่รัฐไม่อยากให้พูด ในสิ่งที่รัฐไม่อยากจะฟัง เพราะตอนนี้ประชาชนมองว่ารัฐเป็นภัยความมั่นคงของประชาชน
เศรษฐกิจถดถอย รัฐธรรมนูญย่ำแย่
นายพิธา ชี้ว่า เศรษฐกิจแย่มาก่อนโควิดแล้ว แต่โควิดซ้ำเติมให้เป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต นักศึกษาจบใหม่กว่าสี่แสนคนที่จะไม่มีงานทำ และจะมีคนจะตกงานสูงถึง 8.4 ล้านคน ประเทศไทยไม่ได้แค่อยู่กับที่ เรากำลังเดินถอยหลัง เยาวชนเหล่านี้ไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะประกันอนาคตที่ดีในประเทศไทย
ถึงที่สุดแล้วสิ่งที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ใช่รัฐธรรมนูญหรอก แต่เป็นเพียงใบอนุญาตให้คณะรัฐประหารมานั่งบริหารประเทศนี้ต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น เป็นใบอนุญาตให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจของประชาชนตลอดไป
ดังนั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องมีรัฐธรรมนญฉบับใหม่ สิ่งที่สังคมไทยต้องการคือข้อตกลงร่วมกันของทุกฝ่าย คือระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพและอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เพื่อทำให้ประเทศนี้เดินไปข้างหน้าได้ เป็นที่มาของข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ที่จะไปสู่ทางออกของประเทศ สิ่งที่ตนและพรรคก้าวไกลต้องการเสนอคือ การกระทำที่เป็นรูปธรรมที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ
1.ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเปิดพื้นที่ทางการเมือง หยุดกดทับสิทธิเสรีภาพประชาชน เพราะถ้ารัฐกดทับประชาชนไปเรื่อยๆ แบบนี้ วันหนึ่งสิ่งเหล่านี้จะระเบิดออกมา
2.ทบทวนการดำเนินคดีที่เป็นคดีทางการเมืองที่ผ่านมาทั้งหมด หยุดปิดปากนักศึกษาและประชาชนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น หยุดปิดปากอนาคตของประเทศ การดำเนินคดีไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
3.รัฐบาลควรหยุดคุกคามเยาวชนและครอบครัว หยุดคุกคามในสถานศึกษา รวมถึงหยุดใช้ปฏิบัติการข่าวสารหรือ IO ที่ยุยงปลุกปั่นให้สังคมมีความขัดแย้ง สร้างกระแสความเกลียดชังในประชาชนกันเอง ซึ่งจะทำให้สังคมแตกหักมากขึ้นไปเรื่อยๆ
4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาล้มเหลวเพียงใด เป็นตัวขัดขวางอนาคต เป็นตัวขัดขวางความเจริญของประเทศนี้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ควรหลีกทาง
5.ต้องเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งมาจากประชาชนที่แท้จริง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเขียนกติกาสูงสุดของประเทศ โดยพรรคก้าวไกลเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน และไม่ต้องกำหนดวุฒิการศึกษาของสมาชิก สสร.รวมทั้งเปิดให้ผู้มีอายุตั้งแต่อายุ 18 ปี เป็น สสร.ได้ เพื่อให้ประชาชนจากทุกชนชั้น ทุกสถานะ ทุกรุ่น ให้เข้ามากำหนดระบบการเมืองที่พวกเขาต้องการด้วยตนเอง นี่เป็นบันไดขั้นแรกที่จะเป็นทางออกของประเทศไทยในตอนนี้
“ถ้าพวกเราพร้อมและต้องการที่จะรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่จริงๆ ผมขอเชิญชวนให้ตั้งสติเสียใหม่ เปิดใจปรับมุมมอง แล้วลงมือหาทางออกของประเทศไปด้วยกัน แต่ถ้าเราไม่พร้อม เราก็จะมองเห็นเพียงแค่ว่า ผู้เป็นอนาคตของชาติเหล่านั้น เป็นภัยต่อความมั่นคง เป็นภัยคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นนั้นประเทศก็จะไม่มีทางออก ไม่มีอนาคต เพราะพวกเราช่วยกันฆ่าอนาคตของประเทศด้วยมือของพวกเราเองแล้ว” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวสรุป
อ่านเพิ่มเติม