ไม่พบผลการค้นหา
รายงานของสื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือเมื่อช่วงวันจันทร์ (14 ส.ค.) ระบุว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญของประเทศ รวมถึงโรงงานผลิตขีปนาวุธทางยุทธวิธี ทั้งนี้ คิมได้สั่งการให้มีการเพิ่มการผลิตขีปนาวุธ กระสุนยิงจรวด และอาวุธอื่นๆ อย่าง "สุดขีด" ความสามารถทางการผลิตอาวุธของประเทศ

การลงพื้นที่ตรวจสอบการผลิตยุทโธปกรณ์ของคิม เกิดขึ้นในขณะที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เตรียมพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมรบทางทหารประจำปี ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการซ้อมเพื่อเตรียมการรุกรานประเทศของพวกเขา นอกจากนี้ การสั่งเร่งการผลิตอาวุธของคิม ยังมีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มีข้อกล่าวหาว่า สหรัฐฯ เชื่อว่ารัสเซียกำลังแสวงหาอาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อนำไปใช้ทำสงครามกับยูเครน

สำนักข่าว KCNA สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า คิมเยี่ยมชมโรงงานผลิตขีปนาวุธทางยุทธวิธี แท่นยิงเคลื่อนที่ ยานเกราะ และกระสุนปืนใหญ่ในวันศุกร์ (11 ส.ค.) และวันเสาร์ (12 ส.ค.) ทั้งนี้ ระหว่างการหยุดแวะเยี่ยมชมโรงงานขีปนาวุธ คิมประกาศการตั้งเป้าหมายที่จะ "เพิ่มกำลังการผลิตอย่างมาก" เพื่อให้โรงงานสามารถผลิตขีปนาวุธจำนวนมาก ในการตอบสนองความต้องการของหน่วยทหารแนวหน้ารบ

“ระดับคุณภาพของการเตรียมการสงคราม ขึ้นอยู่กับการพัฒนาของอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ และโรงงานมีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญมาก ในการเร่งการเตรียมการสงครามของกองทัพประชาชนเกาหลี” KCNA รายงานตามคำกล่าวของคิม นอกจากนี้ ในการเยี่ยมชมโรงงานอื่นๆ คิมยังเรียกร้องให้มีการสร้างรถยิงขีปนาวุธที่ทันสมัยยิ่งขึ้น และคิมกล่าวว่าเกาหลีเหนือมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องเพิ่มการผลิตกระสุนจรวดหลายลำกล้องขนาดใหญ่ “ในอัตราที่ทวีคูณ” ทั้งนี้ คิมยังได้ทดลองขับรถหุ้มเกราะอเนกประสงค์เพื่อการสู้รบอีกด้วย

ปัจจุบันนี้ คิมได้มุ่งเน้นเป้าหมายการขยายคลังอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ความพยายามในการสานสัมพันธ์การทูตที่มีเดิมพันสูงของคิม กับ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2562 ประสบกับความล้มเหลว ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2565 กองทัพเกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธมากกว่า 100 ครั้ง โดยเกาหลีเหนืออ้างเหตุผลของการทดสอบในหลายครั้งนั้นว่า เป็นไปเพื่อการเตือนสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เกี่ยวกับการขยายการฝึกร่วมทางทหาร

เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบอาวุธเพิ่มเติมอีกในเร็วๆ นี้ เนื่องจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้มีกำหนดจะเริ่มการฝึกซ้อมรบทางทหารร่วมประจำช่วงฤดูร้อนในปลายเดือนนี้ ทั้งนี้ เกาหลีเหนือระบุว่าการซ้อมรบร่วมของสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้นั้น เป็นการซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรุกรานเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี พันธมิตรทั้งสองชาติกล่าวว่าพวกเขาไม่มีเจตนาที่จะโจมตีเกาหลีเหนือ

KCNA รายงานอ้างคำกล่าวของคิมว่า เกาหลีเหนือต้องมี “กำลังทหารที่ล้นหลามและเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ สำหรับการรับมือกับสงครามใดๆ” ที่มีอำนาจในการ “ทำลายล้าง” ศัตรูของพวกเขาได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า คิมกำลังเล็งเป้าหมายในการใช้คลังอาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อต่อรองกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะเงื่อนการผ่อนปรนการคว่ำบาตร เมื่อการเจรจาทางการทูตของเกาหลีเหนือกลับมาดำเนินการอีกครั้งกับทางสหรัฐฯ

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สำนักประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้พิจารณาแล้วว่า เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงเปียงยางเมื่อเดือนที่แล้ว เกี่ยวกับการเพิ่มการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ของเกาหลีเหนือให้กับรัสเซีย สำหรับการทำสงครามในยูเครน 

อย่างไรก็ดี ทางการเกาหลีเหนือปฏิเสธคำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ ในการส่งกระสุนปืนใหญ่และกระสุนให้กับรัสเซีย แต่เกาหลีเหนือประกาศสนับสนุนรัสเซียต่อสาธารณชนเกี่ยวกับสงครามในยูเครน และกล่าวเป็นนัยถึงการส่งคนงานเกาหลีเหนือเข้าไปช่วยสร้างดินแดนที่รัสเซียยึดครองมาได้จากยูเครน

ในตอนนี้ คิมพยายามกระชับความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือกับจีนและรัสเซียให้มากขึ้น ระหว่างการเผชิญกับการรณรงค์เพื่อการกดดันเกาหลีเหนือบนเวทีประชาคมระหว่างประเทศ ที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำการรณรงค์เกี่ยวกับการต่อต้านโครงการนิวเคลียร์ และปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีเหนือ


ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/8/14/n-koreas-kim-orders-drastic-boost-in-production-of-missiles-shells?fbclid=IwAR2izbc41MToiAR3sP03OdtFM2vSp9pFPyi1cuHKPnhlTDALZZQgXC21CY4