วันที่ 17 พ.ย. ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางไปเยี่ยม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่บ้านพักริมคลอง เป็นการเข้าไปเพื่อทำความเข้าใจหรือไม่หลังก่อนหน้านี้ เคยมีกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศตัดขาดกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ภูมิธรรม ระบุว่า แพทองธาร ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่อย่างเป็นเอกฉันท์ให้เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งที่ผ่านมา แพทองธาร ให้ความเคารพผู้อาวุโส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปพบผู้อาวุโสภายในพรรคเพื่อรับฟังความคิดเห็นในที่ประชุมใหญ่ หลายคนที่ป่วยหรือติดขัดในภารกิจ ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม ก็เป็นหนึ่งในนั้น แพทองธาร จึงเดินทางไปเยี่ยมและขอคำแนะนำ บรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร และ ร.ต.อ.เฉลิม ก็เป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถืออยู่แล้ว การที่ แพทองธาร เดินทางไป ก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกส่วน
โดยภารกิจอีกอย่างคือการพยายามเชื่อมต่อ สื่อสารคนหลายรุ่น ภายในพรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของ แพทองธารอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า เป็นการเคลียร์ใจหรือไม่ ภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ต้องเคลียร์ใจ ความไม่พอใจหรือเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ เมื่อวันเวลาผ่านไปก็เคลียร์ได้เข้าใจได้ และหากมีโอกาสตนก็จะเข้าไปกราบร้อยตำรวจเอกเฉลิม
ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม จะยังเป็นกำลังหลักของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ภูมิธรรม ยืนยันว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนถือเป็นกำลังหลัก ร.ต.อ.เฉลิม ก็ใช้ประสบการณ์ให้คำแนะนำ ขณะนี้ก็ยังช่วยงานพรรค ซึ่งก็ได้นำมาปรับใช้กับความเป็นจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่
ภูมิธรรม กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ได้มีการพูดคุยกันในประเด็นต่างๆ ข้อเสนอว่าการดำเนินการจะเป็นไปอย่างรอบด้านหรือไม่ ว่า การที่กฤษฎีการะบุว่าอยากจะช่วยดูรายละเอียด ถ้าเกิดมีความชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมายทุกฝ่ายจะได้สบายใจ แต่ไม่ได้หมายความว่ากฤษฎีกาจะปฏิเสธ ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในกระบวนการ คาดว่าน่าจะทำโดยเร็วที่สุด ถ้าสรุปได้ข้อชัดเจนอย่างไรก็จะดำเนินการตามนั้น
ขณะนี้เราพยายามรับฟังเสียงข้อเสนอแนะ ให้ครอบคลุมมากที่สุด ถ้าหากรัฐบาลจะออกเป็น พ.ร.ก. สามารถทำได้แต่เพียงอยากให้ทุกคนสบายใจ ดีที่สุดซึ่งการเสนอเข้ารัฐสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งต้องรอกฤษฎีกาตีความออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งตอนนี้เป็นไปตามขั้นตอนไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า ขั้นตอนของกฤษฎีกาจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ภูมิธรรม ระบุว่า ขึ้นอยู่กับกฤษฎีกา แต่คิดว่าเร็วที่สุด เพราะทุกคนรู้ว่าเป็นเรื่องด่วนที่จะต้องทำ
เมื่อถามถึงเงื่อนไขจะมีการปรับเปลี่ยนอีกหรือไม่ ภูมิธรรม ย้ำว่า จะต้องฟังทางกฤษฎีกา ถ้าเกิดว่ากฤษฎีกาบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรก็ผ่านได้เลย แต่ถ้ามีข้อท้วงติงก็จะต้องมีการประชุมกันอีก ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็จะเป็นการปรับและนำเสนอได้เลยเช่นกัน
เมื่อถามว่า หากท้ายที่สุดแล้วโครงการดังกล่าวไม่สามารถทำได้จะต้องยุติเลยหรือไม่ ภูมิธรรม ระบุว่า ยังไม่รู้ว่าข้อกฎหมายจะออกมาเป็นแบบไหน การจะตัดสินใจยังไงขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงทางกฎหมาย