ไม่พบผลการค้นหา
'ชลน่าน' ประกาศความพรัอม 'เพื่อไทย' 3 แคนดิเดต ล้วนคุณสมบัติโดดเด่น เข้าใจความเป็นมนุษย์ไม่แตะจับมือ 'พลังประชารัฐ' เบอร์ 29 สองก้าวเข้าคูหา กาบัตร เอา 'ประยุทธ์' ออกไป ขณะที่ 'ชัยเกษม' ชูธง แก้ รธน. ตั้ง ส.ส.ร. ป้องกัน รปห.ให้คดีไร้อายุความแม้ รธน.จะถูกฉีกทิ้ง

วันที่ 5 เม.ย. 2566 ที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พรรคเพื่อไทยจัดงาน 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน' โดยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน ประกอบด้วย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยเป็นคนแรก โดยระบุว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย ได้เปิดตัว ส.ส.ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้ง 3 แคนดิเดตนายกฯ นี่คือการแสดงความพร้อม ซึ่งโชคดีว่าในระบบบัญชีรายชื่อเราจับได้หมายเลข 29 เพราะฉะนั้นในวันที่ 14 พ.ค. เป็นวันเลือกตั้งใหญ่ วันสำคัญที่ประชาชนคนไทยจะกำหนดอนาคต กำหนดชะตาชีวิตของตนเอง วันที่ 29 พ.ค. นี้ เอานายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป

"เบอร์ 29 เพราะสองก้าวที่จะเข้าสู่คูหา เอา ประยุทธ์ ออกไป และเครือข่าย 3 ป. ต้องออกไปด้วย"

นพ.ชลน่าน เน้นย้ำว่า เราบอกแล้วว่าเราจะไม่มีการจับมือกับใคร แต่ยิ่งพูดข่าวก็ยิ่งออก ขอประกาศอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีดีลลับกับพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะตั้งเป้าแลนด์สไลด์รัฐบาลพรรคเดียว 310 เสียง ไม่จับมือกับใคร แต่จับมือกับประชาชนเท่านั้น

ชลน่าน 81.jpeg

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อไป นโยบายของพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่ผ่านประชาชนออกจากวิกฤต คือประชาธิปไตยที่กินได้ ซึ่งประชาชนเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรกมาแล้ว จากผลสำรวจก็ชี้ว่าประชาชนชื่นชอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับต้นๆ ต้องคิดใหญ่ ไม่เช่นนั้นประเทศนี้จะไม่รอด

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงทั้ง 3 แคนดิเดตนายกฯ ซึ่งเป็นผู้มีความพร้อม ไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม และมีหัวใจพร้อมทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง และด้วยคุณลักษณะโดดเด่นคือความเป็นทีม 

รายที่ 1 ไม่ถึงปีในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้รับความนิยมในหลายโพล ท่านที่ 2 นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ มีความเข้าใจในวิถีของความเป็นมนุษย์ ไม่มองมนุษย์เป็นเหมือนวัวเหมือนควาย และท่านที่ 3 มาจากภาครัฐ มีความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการยุติธรรม ที่บัดนี้เป็นจุดอ่อนที่สุดของประเทศเรา ลูกหลานเราถูกจับกุมคุมขังอย่างล้นเกิน เพียงออกมาแสดงความคิดเห็น

"29 ก้าวเข้าสู่คูหา กาพรรคเพื่อไทย ให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน" นพ.ชลน่าน ทิ้งท้าย

เฉลิม _8699.jpeg

'เฉลิม' ลั่นไม่กลัว 2 ป. เชื่อ นายกฯ คนที่ 30 เพื่อไทย

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัย โดยช่วงแรกเผยว่า เมื่อคืนตนเข้านอน 3 ทุ่ม ตื่นตี 4 ฝันว่า 14 พ.ค. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แพ้เลือกตั้ง

"พวกตำรวจ วันนี้อย่ารายงานว่าพี่มาปลุกระดม แต่พี่มายุยง เพื่อให้เลือกพรรคเพื่อไทย ถ้าท่านมาอยู่ที่นี่ถ้าไม่มีสิทธิ์คิดแล้ว ถ้าท่านคิดเหมือนผม ขอเสียงปรบมือดังๆ ยาวๆ สักครั้ง"

"ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ทุกอย่างสงบ จบที่ลุงตู่ ยาเสพติดทุกอย่าง "ชิบหายที่มึง" ประชาชาอย่ากลัว จะไปกลัวอะไร เพราะนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 อยู่ในสนามฟุตบอลนี้แล้ว แต่เขายังไม่ให้ผมเอ่ยชื่อ ที่นี่ผมไม่กลัว 2 ป. เพราะผมมี 2 อ."

ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า สมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนอยู่ฝ่ายปราบปรามยาเสพติด พร้อมวิจารณ์ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้เอางานปราบปรามยาเสพติดไปคืนเขา เพราะพูดอู้อี้ ปราบยาเสพติดไม่ได้ ทำได้เพียงแก้กฎหมายให้ บริษัท ฟิลิปมอร์ริส เสียภาษีน้อยกว่าเดิม

"ใครจะเป็นนายกฯ ผมไม่ทราบ ถ้าเก้าอี้รัฐมนตรียังมีชื่อว่าง ใส่ชื่อเหลิมไปสักคนเถอะ ผมพูดจริง"

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวว่าในอดีต ตนกับ สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยโดยไม่เคยมีเวลาจำกัด อยากพูดจบเมื่อไหร่ก็จบเมื่อนั้น แต่เวทีนี้จำกัดไว้ 20 นาที ที่ใดมีกฎกติกา ตนจะปฏิบัติตาม และเมื่อถึงวันที่แม่บ้าน ประธานของพรรคเพื่อไทยพักผ่อน ตนจะออนทัวร์ทุกจังหวัด

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึง อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เวลานี้กำลังถูก ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เล่นงาน โดยตนจะรับช่วงต่อ ด้วยการออกไปทุกจังหวัดที่พรคภูมิใจไทยได้คะแนนดี ตนไม่เคยเรียกว่าพรรคภูมิใจไทย แต่เรียกภูมิใจตายมาโดยตลอด

"ผมเป็นคนรักษาความสงบเรียบร้อยสมัยนายกฯ ปู (ยิ่งลักษณ์) ขอปิดเป็นความลับ ไอ้พรรคประชาธิปัตย์มันอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ ถ้าไม่จริงฟ้องมา ไอ้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ฟ้องมา กูเรียนไม่มาก แต่กูจบ Doctor of Law คนแรกของประเทศไทย"

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยบอกว่าไม่พร้อมที่จะไปออกเวทีดีเบต หากไม่พร้อมจะดีเบต ก็ให้ลาออกไป อีกทั้งกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหน ก็มีแต่ความเจ็บ โดนธูปจี้ มีของหล่นใส่มือ และอยากจะถามที่เอากำปั้นไปไว้ที่หน้าอกมีความหมายอะไร ถ้าหมายความว่าจะแพ้ ตนเองจะได้ไม่ทำ

"ผมขออวยพรให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย สุขภาพดี แข็งแรง ให้ได้เป็นนายกฯ จะใครก็ช่าง เป็นไปเลย ไม่ต้องไปเกรงใจใคร"

"นายกฯ ควรบริหารประเทศแบบมีคุณภาพ นิ่ง สงบ ประเทศนิ่งสงบ จบที่มึง ยาเสพติด พนันออนไลน์ ชิบหายเพราะมึง เอาวิษณุมาทำ มันไม่รู้เรื่อง เดินหนีบไปหนีบมา มันต้องอย่างกู" ร.ต.อ.เฉลิม ทิ้งท้าย

ชัยเกษม เพื่อไทย IMG_8714.jpegชัยเกษม รัฐประหาร เพื่อไทย 726.jpeg


ชัยเกษม .jpegแพทองธาร เศรษฐา ชัยเกษม IMG_8710.jpeg

'ชัยเกษม' ชู แก้ รธน.ตั้ง ส.ส.ร. ให้ รปห.ไร้อายุความ แม้ รธน.ถูกฉีก

ขณะที่ ชัยเกษม นิติสิริ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยเป็นคนแรก โดยระบุว่า ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่เลือกตนอีกครั้ง รวมถึงทุกกำลังใจที่ประชาชนมอบให้ในวันนี้ โดยครั้งนี้ตนยังยืนอยู่บนหลักการที่สำคัญ คือหลักนิติรัฐและนิติธรรม ซึ่งจะนำมาสู่ชีวิตที่ดีของประชาชน ตนเป็นข้าราชการมาทั้งชีวิตถูกสอนเสมอมาให้ยึดมั่นในหลักการ ว่ากฎหมายคือเครื่องมือของรัฐในการ ควบคุมดำเนินกิจกรรมของคนในสังคม อำนวยความสะดวกให้คนในสังคม และเป็นเครื่องมือจำเป็นในการพัฒนาประเทศชาติ

"แต่ให้ท่านช่วยกันคิดว่าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนทุกคนจะเห็นว่าหลักนิติรัฐนิติธรรมของประเทศไทยนั้น แทบจะไม่หลงเหลืออะไรเลย ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ไร้ความชอบธรรม ไร้ความยุติธรรม"

รวมถึงหน่วยงานที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ และศาล แต่ 8 ปีที่ผ่านมา ตนมีความรู้สึกว่าหน่วยงานเหล่านี้บ่อยให้บุคคลากรในหน่วยงานของตนบางคน ทำงานโดยไม่มีประชาชนอยู่ในหัวใจ สร้างแต่อำนาจมืด กอบโกยผลประโยชน์ให้พรรคพวกตนเอง ไม่มองว่าประชาชนเป็นผู้เสียภาษีให้หน่วยงานเหล่านี้คงอยู่ได้ และทำหน้าที่อย่างยุติธรรม

"ถ้าจะต้องยอมให้ประเทศไทยคงอยู่ต่อไปอย่างไร้ขื่อแป กฎหมายถูกผู้มีอำนาจครอบงำ รัฐบาลจงใจไปใช้อย่างผิดรูปผิดรอย เพื่อประโยชน์ของพรรคพวกตนเอง รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นเครื่องมือสำคัญที่ถูกออกแบบไว้ด้วยความคิดที่ไม่มีหัวใจเป็นประชาชนขอเพียงแต่ว่า ทำอย่างไรก็ตามให้สืบทอดอำนาจของตนและพรรคพวกต่อไปเรื่อยๆ"

หากลองดูให้ลึกจะพบว่า การมีรัฐธรรมนูญเป็นเพียงการจัดฉาก เป็นสิ่งจอมปลอม ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน จึงเป็นตัวอย่างของวิกฤตร้ายแรง เช่น การมี ส.ว.ลากตั้ง 250 คน มีอำนาจกำหนดตัวนายกฯ พรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกต่อไป 

ดังนั้น ทันทีที่ประชาชนให้ความไว้วางใจให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จะเร่งให้กระบวนการยุติธรรม คำนึงถึงหลักนิติรัฐและนิติธรรม บริหารโดยพรรคเพื่อไทย สร้างระบบที่ซื้อไม่ได้ เช่น บางคดีที่คนผิดไม่ได้รับโทษ ผู้ที่มีทรัพย์ก็ทำให้ความยุติธรรมนั้นเปลี่ยนแปลงไป เพราะดีบางคนในกระบวนการที่ถูกซื้อได้

"คำสำคัญมากคือ เป็นดุลยพินิจของศาล หรือตำรวจ หลายคนอาจจะนั่งหัวเราะว่า นี่คือดุลยพินิจหรือตามอำเภอใจกันแน่ เพราะผลออกมาตรงกันข้ามกับความรู้สึกของประชาชน"

ชัยเกษม เผยว่า พรรคเพื่อไทยเสนอใช้ระบบบล็อคเชน เพื่อให้ราชการสามารถตรวจสอบได้ และลดการคอร์รัปชัน การชำระเงินต้องดำเนินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ลดการใช้เงินสดเพื่อป้องกันการทุจริต เสนอ Central Bank Digital Currency เพิ่มความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง สนับสนุนการทำ Open Government ให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าถึงข้อมูลของรัฐได้อย่างสะดวกขึ้น

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีแผนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อให้เป็นประโยชน์ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประชาชน แม้เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่ประชาชนคงสัมผัสได้ว่าเวลานี้รัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ประชาชนเท่าที่ควร แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะยังคงระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอยู่ โดยกระบวนการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วผ่านการออกเสียงลงประชามติ เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของประชาชนโดยแท้จริง และต้องมีมาตราสำหรับการป้องกันรัฐประหารให้เป็นความผิดฐานเป็นกบฏ ไม่มีกำหนดอายุความ ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยได้เสนอไว้ เพื่อให้รัฐธรรมนูญของไทยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการยึดอำนาจอีก

"ผมเคยเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่ง ที่ทำให้คนในระบอบรัฐประหาร หมายหัวผมว่าอย่าให้คนนี้โตขึ้นมาได้ เพราะจะเป็นภัยต่อพวกเขา เพราะผมเสนอแก้รัฐธรรมนูญป้องกันการรัฐประหาร โดยระบุไว้ ว่าการรัฐประหาร มีความผิดฐานเป็นกบฏ ... คดีไม่มีอายุความ ถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกฉีกไป แต่ให้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ ยังสามารถนำตัวมาลงโทษได้" ชัยเกษม กล่าว

ชัยเกษม 91_1661473114366944_1763841507856699232_n.jpg


แพทองธาร เศรษฐา เพื่อไทย จิรพงษ์ 8617.jpegณัฐวุฒิ 619.jpegเพื่อไทย นายก แพทองธาร ชลน่าน เศรษฐา ชัยเกษมIMG_8711.jpegแพทองธาร เศรษฐา ชัยเกษม เพื่อไทย แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี 644.jpegเพื่อไทย 43.jpegแพทองธาร เศรษฐา ชัยเกษม เพื่อไทย แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ชลน่าน MG_8642.jpegเพื่อไทย _8641.jpegเพื่อไทย เมืองทองธานี G_8640.jpegแพทองธาร เศรษฐา ชัยเกษม เพื่อไทย แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี ชลน่าน ประเสริฐ วิโรจน์ สุริยะ G_8638.jpegชัยเกษม รัฐประหาร เพื่อไทย _8749.jpeg

'ณัฐวุฒิ' เย้ยเบอร์ 22 ตรงวันชาติพินาศ ลั่นไม่ยกนายกฯให้ใคร

ต่อมา ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า ตนมีความรู้สึกตื้นใจ ที่เพื่อไทยมาเต็มทีม มีแคนดิเดต 3 คน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 400 คน และเราจะมีประชาชนเลือกกว่า 20 ล้านคน เราจะชนะเกินครึ่ง เราจะแลนด์สไลด์ 

ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ต่อให้เพื่อไทยได้เบอร์อะไรก็ตาม อย่าได้กังวล เพราะคนไทยเจ็บและจำความพินาศ 8 ปีทีผ่านมาจนขึ้นใจ ไม่มียุคไหนเจ็บเท่านี้ ไม่มีคนไหน บริหารแล้วพังพินาศมากขนาดนี้ และประชาชนจะจำได้ ถ้าเบอร์อะไรก็จำได้ถ้าเป็นเพื่อไทย เพื่อไล่รัฐบาลประยุทธ์กลับบ้าน เอาเพื่อไทย ใส่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล 

ส่วนเบอร์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ นั้น เบอร์ที่ได้คือเบอร์จับประจาน เพราะตรงกับวันรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 วันพาชาติพินาศมาตลอด 8 ปี ดังนั้น เบอร์นี้คนจำแน่น เพราะทำให้เพลงเราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน จำแม่นขึ้นใจ และหลอกหลอนประชาชนมานาน และเบอร์นี้ เป็นเบอร์ที่ตอกย้ำความทรงจำของประชาชน หากมาด้วยวันที่ 22 ก็ต้องไปด้วยเบอร์ 22 มาทางไหน ไปทางนั้น คุณจะได้รับการปฏิเสธจากประชาชน 

ณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึง กรณีถึงจำนวนเงินในกระเป๋าดิจิทัล ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า เศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้ประกาศในวันนี้ โดยหากใครอายุเกิน 16 ปี ขอให้เตรียมตัว และก็เตรียมรับเงินไปในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 

"สมัยก่อนมันมีเพลงไงครับ อายุ 15 มานั่งเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรงวับๆแวมๆ ยุคนี้ไม่แล้ว เพื่อไทยเขาร้องเพลงใหม่ 'อายุ 16 ได้มีนายกฯเพื่อไทย ให้เงินไปใช้ในรัศมี 4 กิโล ยอดเท่าไหร่คุณเศรษฐาจะมาโชว์ นายกฯโง่ๆ 8 ปีโบกมืออำลา" ณัฐวุฒิ ปราศรัยช่วงหนึ่งถึงนโยบาย ดังกล่าว สร้างเสียงเฮให้กับผู้ฟังปราศรัยจำนวนมาก หน้าเวที 

จากนั้น ณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณี 2 แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ทั้งแพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน ไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า พรรคเพื่อไทยยังยืนหยัดหลักการ นายกรัฐมนตรีควรเป็น ส.ส. เข้าสภาฯ ทำหน้าที่นายกฯ จากการโหวตของตัวแทนประชาชน ขณะเดียวกัน เราก็ไม่ปฏิเสธหลักการเสนอชื่อนายกฯ ในสนามเลือกตั้ง แต่เนื่องด้วยความอยุติธรรม และ การถูกกระทำทางการเมืองแบบที่เป็นมา ว่าที่นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จึงมีสถานะแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น 

"ถ้าผมจะพูดตรงๆ ว่าที่นายกฯ จากเพื่อไทย ทันทีที่ประกาศตัว ในทางการเมืองเป็นตายเท่ากัน คนบางกลุ่มก็บอกว่าเดี๋ยวถูกรัฐประหาร ถูกเล่นงาน เดี๋ยวไม่ได่อยู่ในประเทศ ผมไปกับแพทองธาร ตั้งแต่เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มองเงาหลังเธอเวลายืนปราศรัย ข้างหลังเธอมีทีมงานที่สนับสนุนเธอมากมาย ข้างหน้าประชาชนสนับสนุนมากหลาย แต่เดินต่อไปข้างหน้าไม่รู้จะเจออะไรบ้าง เศรษฐา ทวีสิน ก็เช่นกัน ดังนั้น เมื่อทั้ง 2 ครพูดชัด ว่าถนัดงานบริหาร ด้านนิติบัญญัติ อยากให้ ส.ส. และแกนนำพรรคท่านอื่นๆเข้าไปทำหน้าที่ ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยตรงไปตรงมา เพราะกล้าที่จะให้คนที่กล้าและเสียสละออกมาถือธงนำหน้าเคียงข้างผู้บริหารพรรค ในวิถีทางทางการเมืองของตัวเอง" 

สุดท้าย ณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ทีมเพื่อไทยมารวมตัวกันที่นี่ ก่อนที่จะกระจายตัวไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เราจะทำกันอย่างหนักกันทุกคนทุกเขต เพื่อจะชนะเลือกตั้งในทุกพื้นที่ให้ได้ และแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย 3 คนนั่งอยู่ตรงนี้ คนในคนหนึ่ง จะเป็นนายกรัฐมนตรี เราไม่มีทางยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ใครแน่นอน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ยืนยัน โดยขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ จนแลนด์สไลด์