บริษัท ทวีวงษ์การเกษตร จำกัด เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์กะทิบรรจุกระป๋อง 'ทวีรส' ซึ่งถูกพาดพิงในการรายงานข่าวของสื่อหลายสำนักช่วงวันที่ 11-15 ก.ย.2563 สืบเนื่องจากมีการตรวจพบสารเสพติดซุกซ่อนในกระป๋องติดฉลากแบรนด์ทวีรสที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทำให้บริษัท ทวีวงษ์การเกษตร ออกหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง ลงวันที่ 15 ก.ย. โดยระบุว่า ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เนื้อหาในแถลงการณ์ของบริษัทระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทและแบรนด์ 'ทวีรส' เสียหาย ทางบริษัทฯ จึงได้มีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังพบจุดน่าสงสัย 2 เรื่อง คือ
1. สินค้าที่ปรากฏในการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศ มีฉลากที่แตกต่างจากฉลากที่บริษัทฯ ใช้ในการจำหน่ายไปต่างประเทศ
2. กระป๋องที่ปรากฏในข่าวมีสภาพที่แตกต่างจากมาตรฐานการผลิตของบริษัทฯ และมีร่องรอยการถูกดัดแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะลักษณะฝามาตรฐานเป็นฝาที่ดึงเปิดได้ง่าย (Easy Open Ends) แต่กระป๋องที่ปรากฏในข่าวเป็นฝาปิดที่มีลักษณะแตกต่างออกไป
หนังสือชี้แจงของบริษัทระบุว่า เป็นการเผยแพร่เพื่อยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้แต่อย่างใด
"บริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยสุจริต และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับความนิยมจากลูกค้าและผู้มีอุปการะคุณทั้งภายในและต่างประเทศด้วยดีเสมอมา"
ก่อนหน้าจะเกิดกรณีเกี่ยวกับกะทิกระป๋องแบรนด์ทวีรส เคยมีกรณีซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรประกาศว่าจะคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์กะทิจากไทยที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานลิงเก็บมะพร้าว สืบเนื่องจากการเผยแพร่สารคดีขององค์กรพิทักษ์สัตว์ PETA เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
กรณีดังกล่าวทำให้รัฐบาลไทยและผู้ประกอบการด้านกะทิแปรรูปร่วมกันชี้แจงต่อผู้บริโภคในต่างประเทศให้เข้าใจว่า การใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นวิถีชุมชน แต่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตกะทิในระดับอุตสาหกรรม
ส่วนกรณีตำรวจออสเตรเลียยึดกระป๋องกะทิส่งจากไทยนั้น มีการเผยแพร่รายละเอียดผ่านเฟซบุ๊กเพจของสำนักงานตำรวจกลางของออสเตรเลีย (AFP) โดยระบุว่า พัสดุ 86 กล่องซึ่งบรรจุกะทิกระป๋องอยู่ข้างใน ถูกส่งจากไทยมายังนครซิดนีย์ตั้งแต่เดือน ส.ค.2563
ทั้งนี้ สำนักงานศุลกากรของออสเตรเลียได้ตรวจสอบสินค้าดังกล่าว และพบว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ข้างในคือเมทแอมเฟตามีนเหลว ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารเสพติดประเภทยาไอซ์และยาอี
หลังจากนั้นตำรวจออสเตรเลียจึงได้จับกุมหญิงวัย 29 ปีและชายวัย 20 ปีที่มาแสดงตัวเป็นผู้รับสินค้ากะทิกระป๋องจากประเทศไทย และถูกตั้งข้อหาพยายามนำเข้าสารเสพติดต้องห้าม หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงอาจถูกลงโทษสูงสุด คือ การจำคุกตลอดชีวิต
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ออสเตรเลียนไทม์ส รายงานอ้างอิงคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนยันว่าการลักลอบขนสารเสพติดดังกล่าวถูกซุกซ่อนในกระป๋องที่ถูกดัดแปลง และสิ่งที่บรรจุข้างในไม่ใช่กะทิ แต่ไม่สามารถรอดพ้นการตรวจสอบอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เนื่องจากเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะกระทำกันเป็นขบวนการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: