ไม่พบผลการค้นหา
"สดศรี"จับตา กกต. สร้างมาตรฐานใหม่ให้ใบส้ม ใช้ปมขาดคุณสมบัติชี้ขาดว่าทำให้เลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม ชี้ธนาธรได้รับใบส้มมาครึ่งใบแล้ว และหาก กกต.ตัดสินว่าธนาธรกระทำผิด อาจมีผลถึงการยุบพรรคอนาคตใหม่ตามมา

นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 กรณีถือครองหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อาจเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ และผิด พ.ร.ป. เลือกตั้ง ส.ส. 

กระทั่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาถึงการทำหน้าที่ของ กกต.ที่ไม่สามารถดำเนินการพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส. โดยเฉพาะในระบบบัญชีรายชื่อได้ เพราะผ่านขั้นตอนการรับสมัครและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว

โดยนางสดศรี ยืนยันว่า กกต.ยังคงมีอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.ทั้งในระบบเขตและบัญชีรายชื่อได้ ทั้งในช่วงการรับสมัคร ช่วงหลังการเลือกตั้งไปถึงช่วงก่อนประกาศผล และช่วงหลังการประกาศผลอย่างเป็นทางการไปแล้ว

โดยเฉพาะในช่วงนี้ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนการประกาศผล กกต.มีอำนาจเต็มที่ในการที่จะให้ "ใบส้ม" กับผู้สมัครรายใดก็ตามที่ กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครรายนั้นกระทําการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

สดศรี.jpg

ในมาตรา 132 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าคำสั่งของ กกต.ถือเป็นที่สุด แต่การพิจารณาว่าผู้สมัครรายใดกระทําการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นการเปิดโอกาสให้ตีความได้ค่อนข้างกว้าง จึงอยู่ที่ กกต.จะวินิจฉัยว่าการขาดคุณสมบัติของนายธนาธร เข้าข่ายเป็นการกระทําที่ทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมหรือไม่

หาก กกต.ตีความว่าการขาดคุณสมบัติจากการถือหุ้น เข้าข่ายเป็นการกระทําที่ทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม กกต.ก็จะพิจารณาให้ใบส้มกับนายธนาธร และถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของ กกต.ในการตีความตามกฎหมายมาตรานี้

นางสดศรี เชื่อว่า ปัจจัยหนึ่งที่ กกต.จะนำมาใช้ตีความว่าการถือหุ้นของนายธนาธร มีเจตนาทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม คือการยกใบสมัครของนายธนาธรที่ได้เซ็นชื่อรองรับตัวเองมาใช้ ซึ่งในใบสมัครนายธนาธรได้เขียนยืนยันว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนในการสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการผูกมัดตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้โกหก กกต.

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลก็คือ หากนายธนาธรถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค อาจมีการดำเนินคดีไปจนถึงชั้นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ ซึ่งจะเกิดปัญหาทางการเมืองตามมาอย่างแน่นอน ดังนั้น กรณีของนายธนาธรนี้ ขอให้ กกต. พิจารณาทั้งในแง่นิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป

อดีต กกต.สดศรี ยังเชื่อว่า ระยะเวลาที่เหลือไม่ถึง 1 เดือนก่อนการประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส. 95 เปอร์เซ็นต์ อย่างเป็นทางการ กกต.จะแจกใบส้มไม่มากนัก เพราะจะมีผลต่อการคิดคำนวณส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หากผู้สมัครที่ถูกใบส้มเป็นผู้ชนะในเขตเลือกตั้งนั้น ซึ่งจะต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ตามมา ในขณะที่กรณีของนายธนาธรเชื่อว่า กกต.จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 9 พ.ค.นี้อย่างแน่��อน เพราะจนถึงขณะนี้ถือได้ว่าการที่นายธนาธรถูกตั้งข้อกล่าวหาจาก กกต. ก็เท่ากับว่านายธนาธรได้รับใบส้มมาครึ่งใบแล้ว