ไม่พบผลการค้นหา
"ไทยภักดี" หอบแสนรายชื่อค้านแก้รัฐธรรมนูญ "หมอวรงค์" ลั่นหากรัฐสภายังเดินหน้า เจอกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ "อุ๊" โกรธจัด "ปิยบุตร" ดูถูกฝ่ายอนุรักษ์นิยม ย้ำใครไม่รักเจ้าออกจากประเทศนี้ไป

กลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นำมวลชนเดินทางมาที่หน้ารัฐสภา เพื่อยื่น "1.3 แสนรายชื่อ" ที่ได้ร่วมลงนามคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา ผ่านผู้แทนประธานของ 2 สภา โดยมีการตั้งเวทีปราศรัยย่อยหน้ารัฐสภาด้วย

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตั้งใจจะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้มากกว่านี้ แต่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีระบบรวบรวมรายชื่อของกลุ่ม จึงดำเนินการได้เพียง 4 วันเศษ เพราะกลัวว่าระบบจะล่ม แต่คิดว่าเพียงพอที่จะแสดงเจตนารมณ์ โดย "1 แสน 3 หมื่นรายชื่อ" ของกลุ่ม ไม่ได้ยื่นเสนอหรือคัดค้านกฎหมาย แต่เป็นการแนบรายชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์  ซึ่งถือเป็นตัวแทนของ 16.8 ล้านเสียง ซึ่งลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเรียกกิจกรรมครั้งนี้ว่า "งานของแผ่นดิน" พร้อมชวนมวลชนแสดงสัญลักษณ์ "OK" ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ

หมอวรงค์ มวลชนกลุ่มไทยภักดีหน้ารัฐสภา_๒๐๐_3.jpg

พร้อมเตือนสมาชิกรัฐสภาทุกคนว่า ถ้ายังดื้อดึงเดินหน้าต่อโดยไม่ฟังเสียงของประชาชน เรื่องนี้จะจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีบรรทัดฐานจากศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้วเมื่อครั้ง สภาฯ มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า รัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามตินั้น ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ถูกสถาปนาโดยประชาชน รัฐสภาเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีฐานะต่ำกว่า จึงไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มีเพียงอำนาจในการแก้ไขเท่านั้น ดังนั้น "ได้โปรดอย่าเสียเวลา เสียเงินเสียทองของประชาชน เพราะอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าเดินหน้าแพ้แน่นอน ประชาชนต้องชนะแน่นอน" 

หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ 'อุ๊' อดีตนักร้องดังแกนนำกลุ่ม ปราศรัยตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แม้เนื้อหาจะดี แต่มีปัญหาการบังคับใช้ มีธุรกิจการเมืองเข้าไปทำลายหลักการ มีระบบเผด็จการรัฐสภาและสภาผัวเมีย ส.ส.-ส.ว., มีการทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุล นำสู่วิกฤติการเมืองตลอด 10 กว่าปี จนได้รัฐธรรมนูญปราบโกงปี 2560 ที่แลกมากับเลือดและน้ำตารวมถึงผ่านการประชามติถึง 16.8 ล้านเสียง มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ดังนั้นหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถามประชาชนหรือยัง  

พร้อมกันนี้ ประณาม ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ที่แบ่งแยกคนไทยที่เรียกฝ่ายตรงข้ามว่าอนุรักษ์นิยม ซ้ำยังดูถูกด้วยการกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายทำลายสถาบันเสียเอง ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง และเห็นว่า ปิยบุตร มองข้ามสถาบันสำคัญของชาติ อ้างเพียงตำราและหลักการของต่างประเทศอย่างเดียว จะนำมาเปรียบเทียบกับประเทศไทยไม่ได้ รวมถึงการจะตรวจสอบสถาบันนั้นไม่เห็นด้วยเพราะไม่จำเป็น เนื่องจากมีกระบวนการตรวจสอบตามปกติอยู่แล้ว พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าใครไม่รักสถาบันควรออกจากประเทศไทยไป

หมอวรงค์ มวลชนกลุ่มไทยภักดีหน้ารัฐสภา_๒๐๐.jpgหมอวรงค์ มวลชนกลุ่มไทยภักดีหน้ารัฐสภา_๒๐๐_4.jpgหมอวรงค์ มวลชนกลุ่มไทยภักดีหน้ารัฐสภา_๒๐๐_1.jpgหมอวรงค์ มวลชนกลุ่มไทยภักดีหน้ารัฐสภา_๒๐๐_2.jpg