ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด 19 วันที่ 23 ก.ค. 2564 ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 564,870 คน ยอดสะสม 193,410,165 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 8,779 คน เสียชีวิตสะสม 4,151,456 คน

สหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 61,657 คน ยอดสะสมมากที่สุด 35,213,594 คน อินเดีย เพิ่มขึ้น 34,865 คน ยอดสะสม 31,291,704 คน บราซิลเพิ่มขึ้น 49,603 คน ยอดสะสม 19,524,092 คน

ประเทศไทยขยับมาอยู่อันดับที่ 49 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรวม 467,707 คน ผู้ป่วยรายใหม่ 14,557 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 114 คน เสียชีวิตสะสม 3,811 คน ผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ มีจำนวน 143,744 คน อาการหนัก 3,984 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 900 คน

สำหรับผู้เสียชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร 49 คน ปทุมธานี 12 คน สมุทรปราการ 11 คน สมุทรสาคร 6 คน ยะลา สุราษฎร์ธานี ร้อยเอ็ด พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 3 คน ชัยภูมิ อ่างทอง จังหวัดละ 2 คน นครปฐม นราธิวาส สงขลา ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง ขอนแก่น นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุตรดิตถ์ ฉะเชิงเทรา ตราด สระแก้ว จังหวัดละ 1 คน

ผู้เสียชีวิตแบ่งเป็นเพศชาย 61 คน หญิง 53 คน อายุตั้งแต่ 14 - 94 ปี โดยเด็กอายุ 14 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียงโรคลมชัก แบ่งเป็นคนไทย 111 คน เมียนมา 1 คน กัมพูชา 1 คน ปากีสถาน 1 คน ทั้งนี้ พบผู้เสียชีวิตที่บ้าน 3 คน

10 ลำดับ จังหวัด ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่ ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 3,104 คน สมุทรสาคร 1,067 คน สมุทรปราการ 837 คน ชลบุรี 669 คน ระยอง 516 คน ปทุมธานี 511 คน พระนครศรีอยุธยา 359 คน ฉะเชิงเทรา 352 คน นนทบุรี 305 คน และปัตตานี 290 คน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานการพบคลัสเตอร์ใหม่ 4 แห่ง โรงงานอาหารกระป๋อง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 20 คน , โรงงานด้าย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 126 คน แคมก่อสร้าง อ.เมือง จ.ระยอง 26 คน , บริษัทผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง 37 คน

พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า สำหรับกรุงเทพมหานคร พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 3,104 คน ยังไม่รวมตรวจแบบ antigen test kit ซึ่งหากรวมการตรวจแบบดังกล่าว จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 2,000 กว่าราย โดยเร็วๆนี้กรุงเทพมหานคร จะรวบรวมผลการตรวจทั้งหมดเพื่อรายงานให้ทราบในภาพรวม

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ยังรายงานว่าจากการตรวจเชิงรุก 100 คน จะพบผู้ติดเชื้อสูงถึง 11% สำหรับผู้มีประวัติอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะพบผลตรวจติดเชื้อโควิด 15% ส่วนผู้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมีโอกาสติดเชื้อถึง 25%

พญ.อภิสมัย แจ้งว่า ในช่วงที่ผ่านมามีข่าวการเชิญชวนให้ผู้ติดเชื้อเดินทางออกจากบ้านไปรวมตัวยังที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ขอแจ้งว่า อย่าหลงเชื่อ ขอให้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้าน เพราะถือเป็นคนกลุ่มเสี่ยงไม่ควรออกไปข้างนอก ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องพัก หากออกไปข้างนอก อาจเกิดความไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว

“ฝากไปถึงสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนวันนี้สภาพจิตใจของทุกคนย่ำแย่ แต่ถ้าเรารวมกัน เชื่อแน่ว่าเราจะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้”

ส่วนความพยายามที่จะเข้ามาช่วยตั้งโรงพยาบาลสนามของหน่วยงานต่างๆ แต่บุคลากรทางการแพทย์นั้นขาดแคลนจะมีการบริหารจัดการอย่างไรนั้น แพทย์หญิงอภิสมัยระบุว่า ใน 1-2 วันนี้จะมีการสรุปโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลที่สามารถดูแลผู้ป่วยในระดับสีเหลืองและสีแดง ซึ่งขณะนี้มีการปรับเปลี่ยนจำนวนมาก ซึ่งโรงพยาบาลบุษราคัมอาจเป็นสถานที่รับผู้ป่วยสีเหลืองก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้จะมีการปรับรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่มขึ้น โรงพยาบาลสนามสีเขียวก่อนหน้านี้ ขณะนี้มีบุคลากรและอุปกรณ์สามารถที่จะพัฒนายกระดับ รับผู้ป่วยในกรณีสีเหลืองจึงขอให้ติดตามข้อมูลที่จะนำเสนอให้ละเอียดชัดเจน แต่ในแง่ของบุคลากรทางกระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วง จากการรายงานก่อนหน้านี้มีการขอความร่วมมือบุคลากรต่างจังหวัดโยกมาช่วยในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 

หลายๆจังหวัดเองก็มีสถานการณ์ที่หนักขึ้นบางที่ระบบเตียงอยู่ที่ร้อยละ 70 แล้ว ในพื้นที่ภาคอีสาน อย่างนั้นบุคลากรจะต้องย้อนกลับไปดูแลประชาชนในพื้นที่ แต่ในวันนี้ จะมีการประชุมกันในเวลา 15.00 น ของกรมการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข ภาคประชาสังคม และสภากาชาดไทย ถึงทิศทางการปรับเตียงเพื่อรับผู้ป่วย