คุณภาพชีวิต
นายกฯ ย้ำ ขรก.ไม่ติดเครื่องยนต์รอนาย เล็งใช้ 'โดรน' โปรยสารกำจัดฝุ่น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีชาวบ้านร้องเรียน เรื่องโรงซ่อมของการรถไฟแห่งประเทศไทย มักกะสัน ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานว่า วันนี้ได้สั่งการไปแล้ว ให้ติดตามมาตรการ ว่ามีการป้องกันหรือไม่ เพราะฝุ่นละออง PM 2.5 เกิดในหลายส่วนไม่ใช่ภาครัฐอย่างเดียว ซึ่งทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ และได้กำชับกระทรวงคมนาคมและการรถไฟ รวมถึงทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามระเบียบการป้องกันฝุ่นละออง
นายกรัฐมนตรี ยังเผยว่าการทดลองใช้โดรนบินโปรยสารกำจัดฝุ่นละออง เป็นเพียงแค่การทดลอง อย่าเพิ่งติติงว่าจะได้ประโยชน์หรือหลอกลวง เพราะต้องทดลอง ว่าจะใช้สารโปรยกำจัดฝุ่นละอองในปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม และย้ำว่าขณะนี้ อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาคมโดรน ทำการทดสอบในพื้นที่จำกัด ระดับความสูงไม่เกิน 25 เมตร และเป็นระดับที่ฉีดน้ำไม่ถึง ซึ่งเท่าที่นำเครื่องมือวัด ฝุ่นละอองของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าปริมาณฝุ่นละอองลดลงมาก จึงต้องคิดต่อว่าจะใช้โดรนบินโปรยสารต่อหรือไม่ เพราะในต่างประเทศก็เคยใช้เหมือนกัน
ส่วนการติดเครื่องรถยนต์รอ ตนได้ย้ำไปในที่ประชุม ครม.ว่า ข้าราชการไม่ต้องติดเครื่องยนต์รอนาย รถของนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งลูกน้องว่าไม่ต้องติดเครื่องยนต์ เพราะเหม็น เปลืองน้ำมัน และทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพ ซึ่งตนก็ได้ทำเป็นตัวอย่างไว้แล้วด้วย ทุกคนก็ต้องช่วยกัน
ทั้งนี้ มีรถหลายหลายประเภทที่ติดเครื่องไว้นานนานอย่างเช่น รถแท็กซี่ รถสาธารณะ และรถขนส่งมวลชนทั้งหมด แต่หากจะต้องหยุดทั้งหมด ก็คงเป็นไปไม่ได้จึงต้องหามาตรการที่เหมาะสม ในระหว่างนี้ก็ต้องไม่ติดเครื่องยนต์เร็วจนเกินไปก่อนออกเดินทาง ซึ่งหากวันนี้กำหนดบทลงโทษ ก็จะยุ่งกันไปใหญ่ ปฏิบัติไม่ได้ก็เดือดร้อนอีก ซึ่งวานนี้ (21 ม.ค.) ตนได้การออกแถลงการณ์ไปแล้ว ดังนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือน ว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย นอกจากฉีดน้ำเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน หลังประสบพายุโซนร้อนพายุปาบึก สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่ กว่า 50,000 หลัง ว่าขณะนี้ได้มีการซ่อมแซมจนแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 97 โดยหน่วยงาน ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและพลเรือน ขณะนี้เหลืออีกเพียง 2000 หลังก็จะแล้วเสร็จ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็ววันนี้ ส่วนที่ต้องติดตามก็คือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆทั้งการดูแลคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะ 22 จังหวัดที่ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
