เกิดการแฮกข้อมูลบริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในญี่ปุ่น ทำให้มีเงินดิจิทัลถูกขโมยออกไป ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของการแฮกเงินดิจิทัล มีผู้สูญเสียเงินกว่า 260,000 คน คิดเป็นมูลค่ากว่า 534 ล้านดอลลาร์ และก็ทางบริษัทที่เกิดเหตุยังไม่แน่ใจว่าจะชดเชยเงินที่สูญหายไปให้ลูกค้าได้เมื่อไร
คอย์เช็ค (Coincheck) หนึ่งในบริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าถูกแฮกเกอร์ล้วงข้อมูล ทำให้สูญเสียเงินดิจิทัลมูลค่าประมาณ 534 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการโจรกรรมเงินดิจิทัลมูลค่ามากที่สุด ทำให้ตอนนี้ บริษัทจึงจำเป็นต้องปิดการรับฝากและถอนเงินสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เป็นการชั่วคราวยกเว้น บิทคอยน์
ทางบริษัทระบุในแถลงการณ์ว่า แฮ็กเกอร์ ได้เจาะระบบเข้ามาเมื่อเวลา 2.57 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวันศุกร์ แต่ทางบริษัทรู้ตัวเมื่อเวลา 11.25 น. หรือเกือบ 8 ชั่วโมงครึ่งหลังเกิดเหตุ โดยนาย ยูซูเกะ โอสึกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ระบุว่า เงินดิจิทัลที่ถูกขโมยครั้งนี้ คือเงินสกุล NEM ซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ถูกขโมยไปจำนวน 523 ล้านดอลลาร์ โดยถูกส่งออกไปจากที่อยู่ของ NEM ในระบบของคอยน์เช็คในช่วงที่มีการเจาะระบบ ซึ่งมีมูลค่าราว 5.8 หมื่นล้านเยน ตามการคำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยนตอนถูกตรวจพบ โดยขณะนี้คอยน์เช็คระบุว่ารู้ที่อยู่ดิจิทัลที่เงินถูกส่งไปแล้ว และจะทำทุกทางที่ทำได้เพื่อชดเชยแก่นักลงทุน
จากการตรวจสอบพบว่ามีลูกค้ามากถึง 260,000 คนที่ได้รับผลกระทบ และยังคงพยายามตรวจสอบอยู่ว่าการเจาะระบบเกิดขึ้นในญี่ปุ่นหรือจากประเทศอื่น
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่แน่ว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยไปจะสามารถตามคืนกลับมาได้หรือเปล่า เพราะสกุลเงินดิจิทัลเป็นระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง ที่ไม่มีหน่วยงานราชการไหน หรือธนาคารที่เป็นผู้รับผิดชอบ อย่างถ้าเงินในธนาคารถูกปล้นก็ยังมีหน่วยงานรับผิดชอบ รวมถึงมีหน่วยงานรัฐที่ให้การรับประกันการคุ้มครองเงินฝากด้วย
อีกอย่าง การครอบครองเงินสกุลดิจิทัลก็ไม่เหมือนกับเงินฝากในธนาคาร เพราะเมื่อเราฝากเงินกับธนาคาร เราก็จะได้สมุดบัญชีเงินฝาก ที่มีชื่อ ที่อยู่ ลายเซ็นเรา ที่ยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของเงินในบัญชีจริงๆ ทำให้แม้เราจะทำสมุดบัญชีหาย ก็ไม่ได้แปลว่าเงินของเราหายไปด้วย เรายังสามารถแจ้งความและนำบัตรประชาชนไปพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเจ้าของบัญชีเพื่อนำเงินกลับออกมาได้ แต่ว่าสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ไม่มีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลพิสูจน์ตัวตนของใครเป็นเจ้าของเงิน ดังนั้นหากเงินดิจิทัลของเราหายไป ก็เป็นเรื่องยากที่จะเรียกคืนกลับมาได้
เหตุการณ์ขโมยเงินดิจิทัลด้วยการแฮกเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างในปี 2014 บริษัท MtGox ซึ่งเป็นบริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง ถูกแฮกเกอร์ขโมยเงินดิจิทัลมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.25 หมื่นล้านบาท จากเครือข่ายของตัวเอง จนบริษัทต้องปิดตัวลง