ไม่พบผลการค้นหา
Biz Feed - Biz Insight : มูลค่า 'อาลีบาบา' สูงกว่าศก. 136 ประเทศรวมกัน - SHORT CLIP
CLIP Biz Feed : 'HijUp' เปิดโลกแฟชั่นหญิงมุสลิม
Biz Feed - เอเชียยังลงทุนในเมียนมาแม้มีวิกฤตโรฮิงญา - Short Clip
Biz Feed - ธุรกิจกัญชาดึงดูดบุคคลากรชั้นแนวหน้าจากทั่วโลก - Short Clip
Biz Feed - รัสเซียปั่นกระแสเลือกตั้งสหรัฐฯผ่านทวิตเตอร์ 2.1 ล้านครั้ง - Full EP.
Clip Biz Feed : ปฏิรูปมาเลเซียแอร์ไลน์ฟื้นฟูภาพลักษณ์ได้? 
Biz Feed - เอเชียทุ่มเงินเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ แต่เหลื่อมล้ำสูง - FULL EP
Biz Feed - เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อสหรัฐฯ ชัตดาวน์? - Short Clip
Biz Feed - เส้นทางเน็ตฟลิกซ์จากเช่าวิดีโอสู่สตรีมมิง - Short Clip
Biz Feed - ซัมซุงเสียส่วนแบ่งเพิ่มให้สมาร์ทโฟนจีนปีหน้า - Short Clip
CLIP Biz Feed : อี-สปอร์ต เปิดโลกแห่งเกมให้เป็นโลกแห่งธุรกิจ
Biz Feed - บริษัทไทยจับมือต่างชาติพัฒนาพลังงานสะอาด - FULL EP.
CLIP Biz Feed : ห้างใกล้ตาย แต่อี-คอมเมิร์ซเปิดร้านขายปลีก
Biz Feed - Fetch Robotics หุ่นยนต์ผู้ช่วยสำหรับโกดังสินค้า - Short Clip
Biz Feed - บิทคอยน์ร่วงเพราะรัฐบาลในเอเชีย? - Short Clip
Biz Feed - นักท่องเที่ยวจีน4แสนคนเตรียมมาไทยตรุษจีนนี้ - Short Clip
Biz Insight : แอมะซอนสู้อาลีบาบาครองอีคอมเมิร์ซในอาเซียน 
Biz Feed - กระทรวงการคลังเร่งแก้เงินบาทแข็งค่า - Short Clip
Biz Feed - เกาหลีใต้ตัดไฟคอมฯบังคับพนักงานกลับบ้าน -Short Clip
Biz Feed - แพทย์แคนาดาค้านขึ้นค่าแรงตัวเอง - Short Clip
Biz Feed - เงินดิจิทัลถูกแฮกครั้งใหญ่ที่สุดในโลกในญี่ปุ่น - Short Clip
Jan 29, 2018 04:08

เกิดการแฮกข้อมูลบริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในญี่ปุ่น ทำให้มีเงินดิจิทัลถูกขโมยออกไป ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของการแฮกเงินดิจิทัล มีผู้สูญเสียเงินกว่า 260,000 คน คิดเป็นมูลค่ากว่า 534 ล้านดอลลาร์ และก็ทางบริษัทที่เกิดเหตุยังไม่แน่ใจว่าจะชดเชยเงินที่สูญหายไปให้ลูกค้าได้เมื่อไร

คอย์เช็ค (Coincheck) หนึ่งในบริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าถูกแฮกเกอร์ล้วงข้อมูล ทำให้สูญเสียเงินดิจิทัลมูลค่าประมาณ 534 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการโจรกรรมเงินดิจิทัลมูลค่ามากที่สุด ทำให้ตอนนี้ บริษัทจึงจำเป็นต้องปิดการรับฝากและถอนเงินสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ เป็นการชั่วคราวยกเว้น บิทคอยน์ 

ทางบริษัทระบุในแถลงการณ์ว่า แฮ็กเกอร์ ได้เจาะระบบเข้ามาเมื่อเวลา 2.57 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวันศุกร์ แต่ทางบริษัทรู้ตัวเมื่อเวลา 11.25 น. หรือเกือบ 8 ชั่วโมงครึ่งหลังเกิดเหตุ โดยนาย ยูซูเกะ โอสึกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ระบุว่า เงินดิจิทัลที่ถูกขโมยครั้งนี้ คือเงินสกุล NEM ซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ถูกขโมยไปจำนวน 523 ล้านดอลลาร์ โดยถูกส่งออกไปจากที่อยู่ของ NEM ในระบบของคอยน์เช็คในช่วงที่มีการเจาะระบบ ซึ่งมีมูลค่าราว 5.8 หมื่นล้านเยน ตามการคำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยนตอนถูกตรวจพบ โดยขณะนี้คอยน์เช็คระบุว่ารู้ที่อยู่ดิจิทัลที่เงินถูกส่งไปแล้ว และจะทำทุกทางที่ทำได้เพื่อชดเชยแก่นักลงทุน

จากการตรวจสอบพบว่ามีลูกค้ามากถึง 260,000 คนที่ได้รับผลกระทบ และยังคงพยายามตรวจสอบอยู่ว่าการเจาะระบบเกิดขึ้นในญี่ปุ่นหรือจากประเทศอื่น

อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่แน่ว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยไปจะสามารถตามคืนกลับมาได้หรือเปล่า เพราะสกุลเงินดิจิทัลเป็นระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง ที่ไม่มีหน่วยงานราชการไหน หรือธนาคารที่เป็นผู้รับผิดชอบ อย่างถ้าเงินในธนาคารถูกปล้นก็ยังมีหน่วยงานรับผิดชอบ รวมถึงมีหน่วยงานรัฐที่ให้การรับประกันการคุ้มครองเงินฝากด้วย

อีกอย่าง การครอบครองเงินสกุลดิจิทัลก็ไม่เหมือนกับเงินฝากในธนาคาร เพราะเมื่อเราฝากเงินกับธนาคาร เราก็จะได้สมุดบัญชีเงินฝาก ที่มีชื่อ ที่อยู่ ลายเซ็นเรา ที่ยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของเงินในบัญชีจริงๆ ทำให้แม้เราจะทำสมุดบัญชีหาย ก็ไม่ได้แปลว่าเงินของเราหายไปด้วย เรายังสามารถแจ้งความและนำบัตรประชาชนไปพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเจ้าของบัญชีเพื่อนำเงินกลับออกมาได้ แต่ว่าสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ไม่มีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลพิสูจน์ตัวตนของใครเป็นเจ้าของเงิน ดังนั้นหากเงินดิจิทัลของเราหายไป ก็เป็นเรื่องยากที่จะเรียกคืนกลับมาได้

เหตุการณ์ขโมยเงินดิจิทัลด้วยการแฮกเคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างในปี 2014 บริษัท MtGox ซึ่งเป็นบริษัทรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง ถูกแฮกเกอร์ขโมยเงินดิจิทัลมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.25 หมื่นล้านบาท จากเครือข่ายของตัวเอง จนบริษัทต้องปิดตัวลง

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog