การชุมนุมของกลุ่มผู้ต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาลฝรั่งเศส ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุม-เจ้าหน้าที่ มีผู้ถูกจับกุมกว่า 412 คน บาดเจ็บอีกราว 263 คน และเสียชีวิตรวม 3 ราย
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เรียกประชุมฉุกเฉินกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการรับมือเหตุประท้วงรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วฝรั่งเศส ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และถูกจับกุมจำนวนมาก โดยผลของการประชุม สรุปว่าเบื้องต้นจะยังไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แต่จะมีการส่งนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสไปเจรจากับแกนนำของผู้ประท้วง เพื่อรับฟังข้อเรียกร้องของฝ่ายผู้ประท้วง
แกนนำการประท้วงครั้งนี้ คือผู้ประท้วงกลุ่ม 'เสื้อกั๊กเหลือง' ที่ออกมาต่อต้านมาตรการขึ้นภาษีน้ำมัน ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสระบุว่าผู้เข้าร่วมการประท้วงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา มีจำนวนกว่า 136,000 คน แม้จำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุมถือว่าลดลงจากการชุมนุมในสัปดาห์แรกๆ เมื่อวันที่ 17 และ 24 พ.ย. ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่ามีผู้เข้าร่วมกว่า 282,000 คน ซึ่งแม้ว่าผู้ชุมนุมจะลดลงในสัปดาห์ที่ 3 แต่กลับมีการใช้ความรุนแรงก่อความเสียหายต่อทรัพย์สินสาธารณะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ที่ประตูชัยบนถนนช็องเซลิเซในกรุงปารีส ที่ถูกผู้ประท้วงพ่นสีสเปรย์ และทุบทำลายรูปปั้นจำนวนมาก และมีร้านค้าหลายแห่งที่ถูกทำลายและถูกปล้นสินค้า
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอพีรายงานว่า แกนนำการชุมนุมบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และย้ำว่า ผู้ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสร้างความเสียหายแก่สถานที่สำคัญจะต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ซึ่งการประท้วงครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์จลาจลที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่านักท่องเที่ยวต่างชาติถูกอพยพออกจากพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่งในกรุงปารีส หลายๆประเทศได้ออกประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองที่อยู่ในฝรั่งเศสให้ใช้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ชุมนุมที่มีอยู่ราว 20 จุดทั่วประเทศฝรั่งเศส เช่นเดียวกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส แถลงเตือนประชาชนไทยในฝรั่งเศส หากไม่จำเป็นก็ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปบริเวณกลางกรุงปารีส (เขต 1 เขต 2 เขต 8 และเขต 16) และโปรดใช้ความระมัดระวังจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย