ผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ยชี้ ทางการของสหรัฐฯ 'ประเมินศักยภาพของบริษัทหัวเว่ยต่ำเกินไป' เพราะข้อจำกัดทางการค้าที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับการให้บริการระบบส่งสัญญาณ 5G ของจีน
เว็บไซต์ The Verge รายงานว่านายเหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติจีนอย่างหัวเว่ย วัย 74 ปี ออกมาเคลื่อนไหว หลังจากที่ทั่วโลกกำลังพุ่งความสนใจมาที่กรณีที่บริษัทกูเกิลประกาศตัดสัมพันธ์กับบริษัทหัวเว่ย เพื่อทำตามนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ โดยนายเหรินกล่าวกับกองทัพสื่อจีนที่สำนักงานใหญ่ของหัวเว่ยในนครเซินเจิ้นว่า การที่สหรัฐฯ ประกาศยืดเวลาให้หัวเว่ยสามารถดำเนินธุรกิจกับบริษัทสัญชาติอเมริกันตามปกติต่อได้อีก 90 วันนั้น แทบจะไม่ส่งผลอะไรกับสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้เลย
ในการให้สัมภาษณ์สื่อจีนครั้งนี้นายเหรินย้ำว่าเขารู้สึกขอบคุณบรรดาบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่ได้ร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยีให้กับบริษัทหัวเว่ยด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง และเขาทราบดีถึงความพยายามที่บริษัทอเมริกันเหล่านี้ต้องการจะโน้มน้าวรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาตให้พวกเขาสามารถร่วมงานกับหัวเว่ยได้ต่อไป ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทางหัวเว่ยเองก็จำเป็นต้องพึ่งพาชิปเซตจากสหรัฐฯเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่ากังวลเช่นนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายเหรินระบุว่าทางการของสหรัฐฯ 'ประเมินศักยภาพของบริษัทหัวเว่ยต่ำเกินไป' เพราะข้อจำกัดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ กับการดำเนินการให้บริการระบบส่งสัญญาณ 5G ของจีน และมากไปกว่านั้นทางหัวเว่ยเองก็มั่นใจว่าในช่วงเวลา 2-3 ปีนี้ จะยังไม่มีคู่แข่งจากชาติในสามารถก้าวทันความล้ำหน้าของเทคโนโลยี 5G จากบริษัทหัวเว่ยอย่างแน่นอน