รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 7 สิงหาคม 2563

“อ.หญิง” ดักคอ ป.ป.ช. มี KPI เฉพาะคดีฝ่ายตรงข้าม “ประยุทธ์” หลังคดี “ปารีณา” ที่ “วีระ สมความคิด” เดินหน้าร้องให้หลายหน่วยงานตรวจสอบ และพบว่า “ผิดจริง” ถูกดองค้างเติ่งที่ ป.ป.ช. นาน 2 เดือนแล้ว จนหน่วยงานอื่นขยับไม่ได้ หวั่น “ปารีณา” แอบหนีไปต่างประเทศ...หนีความผิด

“อ.วิโรจน์” สวนประธาน ป.ป.ช. ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ทั้งที่ภาพออกสื่อ และข้อกล่าวหาจากป่าไม้ก็ชัดเจน!

นายวีระ สมความคิด โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า หลังมีสื่อมวลชน และประชาชนสอบถามความคืบหน้ากรณีคดี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ บุกรุกป่า โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ได้ไปติดตามความคืบหน้าคดี ทั้งน.ส.ปารีณา และนายทวี ไกรคุปต์ โดยพบ พ.ต.อ.วัชรินทร์ ฟูสิทธิ์ รองผู้บังคับการ ปทส. ทราบว่าสำนวนทั้งหมด ไปดองอยู่ที่ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 63 (7 ส.ค.63 ครบ 2 เดือนเต็ม ที่สำนวนคดีของปารีณาถูกเอามาดองไว้ที่ ป.ป.ช.) โดยได้ขอหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ผู้รับผิดชอบ ทราบต่อ ชื่อ นายเจษฎา อยู่ สำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เมื่อติดต่อไปทราบว่า ป.ป.ช. กำลังไต่สวนกรณีปารีณา ถูกกล่าวหาว่ากระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตราฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 และหรือที่ดิน ส.ป.ก. โดยรู้ว่าขาดคุณสมบัติในการได้สิทธิฯ และไม่คืนหรือสละคืนที่ดินเพื่อนำไปจัดสรรให้กับผู้ยากไร้ตามเจตนารมณ์ทางกฎหมาย และได้รับทราบว่ากรมป่าไม้ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับปารีณาแล้ว ทางป.ป.ช. จึงขอทราบผลการดำเนินคดีจาก บก.ปทส. ไม่ได้ต้องการสำนวนคดีทั้งหมด ตำรวจเข้าใจผิดไปเอง

โดยนายวีระ ระบุในเฟซบุ๊กว่า ป.ป.ช. พูดเหมือนตำรวจโง่เอง แต่ ป.ป.ช. ก็ไม่ควรเอาสำนวนคดีปารีณามาดองไว้ถึง 2 เดือน เมื่อ ป.ป.ช. ไม่ได้ต้องการสำนวนคดี ทำไมจึงไม่รีบส่งคืนให้กับตำรวจ บก.ปทส. ไป เพื่อให้ตำรวจรีบเอาสำนวนคดีไปยื่นฟ้องต่ออัยการ มันก็ เลว พอกันนั่นแหละ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 63 นายเจษฎาแจ้งว่าคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้ส่งสำนวนคดีปารีณาคืนให้แก่บก.ปทส. / ที่นายเจษฎายืนยันว่าจะรีบเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นวาระจรต่อไป คาดว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. น่าจะมีมติในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อให้ส่งสำนวนการสอบสวนของ บก.ปทส.ที่มีความเห็นสั่งฟ้องปารีณา กลับไปให้พนักงานสอบสวน บก.ปทส. รีบยื่นฟ้องคดีต่ออัยการจังหวัดราชบุรีต่อไป (หากนายวีระไม่ตามติดตามจี้ถึงตัวผู้รับผิดชอบ มันก็คงทำเป็นลืม ดองเรื่องไปเรื่อยๆ ทั้งตำรวจและ ป.ป.ช.)

และหากไม่มีอำนาจรัฐเข้ามาดึงเรื่องถ่วงเรื่องอีก ตำรวจ ปทส. ต้องไปขออนุญาตจากประธานสภาฯชวน หลีกภัย เพื่อขอนำตัวปารีณาไปส่งฟ้องคดีต่ออัยการราชบุรี ซึ่งยังไม่มั่นใจว่า ทางประธานสภาฯจะอนุญาตหรือไม่ หากไม่อนุญาตก็ต้องรอไปจนกว่าจะปิดสมัยประชุมในเดือนตุลาคม

หากสามารถนำตัวปารีณาไปฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีได้ และพนักงานอัยการราชบุรีมีความเห็นควรสั่งฟ้องปารีณาต่อศาล ก็อาจจะมีคนแอบไปแจ้งให้ปารีณารีบหนีออกนอกประเทศ ก่อนที่พนักงานอัยการจะไปนำตัวส่งฟ้องต่อศาลราชบุรี ซึ่งจะทำให้คดีต้องหยุดชะงักลง ศาลต้องออกหมายจับปารีณา เพื่อให้ตำรวจนำตัวมาให้แก่อัยการ ส่งฟ้องคดีต่อศาล หากปารีณาหนีออกนอกประเทศได้ คดีนี้อาจจะเหมือนกับกรณีคดีของบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ก็ได้

ประชาชนต้องช่วยกันเกาะติดคดีนี้อย่างใกล้ชิดด้วยครับ สำหรับ วีระ สมความคิด จะติดตามคดีนี้ชนิดกัดไม่ปล่อย คนทำผิดต้องติดคุกครับ หากปารีณาไม่ติดคุก ประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเช่นเดียวกับปารีณา และถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด ต้องติดคุกไปแล้วจำนวนหลายหมื่นคน พวกเขาเหล่านั้นรวมถึงประชาชนที่รักความเป็นธรรมทั้งหลาย คงไม่ยอมอย่างแน่นอน การประท้วงคัดค้านเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จะต้องเกิดขึ้น บ้านเมืองจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวายอีกเป็นแน่แท้ #ปารีณาต้องติดคุก

ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ทุกเรื่องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการและหน่วยงานอื่น อาจจะสอบพยานในพื้นที่ ซึ่ง ป.ป.ช.ถือเป็นเรื่องสำคัญ / คณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความสำคัญ เป็นนโยบายที่จะต้องทำให้ชัดเจน ดังนั้นอย่าไปคิดว่า 1 เดือน หรือ 2 เดือน เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละเรื่อง มีนัยยะที่แตกต่างกัน ก็ต้องตรวจสอบ บอกไม่ได้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ ให้ความเป็นธรรมผู้ที่ถูกกล่าวหา ต้องให้โอกาสชี้แจงทุกกรณี ให้สามารถนำพยานเข้าสู่การพิจารณา และเมื่อเสร็จสิ้นก็ต้องวินิจฉัย แต่ยังเป็นกระบวนการเบื้องต้น เพราะหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดก็ต้องไปอัยการ ไปศาลยุติธรรมต่อไป ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ได้ล่าช้า และที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็ใช้เวลามาก แต่กฎหมาย ป.ป.ช.ก็ออกมากำหนดกรอบระยะเวลาไว้ชัดเจน

ประธาน ป.ป.ช. ยืนยันว่า กรณีนี้จะมีความกระจ่างตามที่สังคมคาดหวังไว้แน่นอน เมื่อเรื่องเสร็จสิ้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัยแล้ว ต้องตอบให้ได้ เพราะกฎหมายกำหนดให้ กรรมการ ป.ป.ช.สามารถเผยแพร่ความเห็น ว่ามีมติอย่างไร ด้วยเหตุผลอย่างไร รวมถึงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก็ต้องตรวจสอบได้